- ภาพรวมตลาดสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในปี 2566ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่า มูลค่าการขายสินค้าตกแต่งบ้านในสิงคโปร์ในปี 2566 อยู่ที่ 2,750 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มสูงขึ้น 3.4% (YoY) โดยประกอบไปด้วยสินค้าตกแต่งในบ้าน 2,532.9 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มสูงขึ้น 2.9% (YoY) สินค้าตกแต่งบ้านกลางแจ้ง อยู่ที่ 29.2 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มสูงขึ้น 3.2% (YoY) สินค้าหลอดไฟต่างๆอยู่ที่ 196.9 เหรียญสิงคโปร์ เพิ่มสูงที่สุดในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านที่ 5% (YoY) จากราคาวัตถุดิบ แรงงาน และค่าขนส่ง และปัจจัยภายนอกอย่างความแน่นอนทางเศรษฐกิจ สงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้บริโภคต่างเลื่อนการซื้อของตกแต่งบ้านชิ้นใหญ่ออกไป
- Rightsizing มากกว่า Downsizing
เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก ที่มีประชากรหนาแน่น ที่ดินพร้อมอยู่อาศัยจึงมีจำกัด ดังนั้น รัฐบาลจึงสนับสนุนการใช้พื้นที่ในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Rightsizing) มากกว่าเพียงลดขนาด (Downsizing) รวมไปถึงการออกแบบผังบ้านใหม่ โดยผสมผสานพื้นที่อเนกประสงค์ และการจัดเก็บของให้น่าอยู่มากขึ้น นอกจากนี้ สิงคโปร์มีประชากรผู้สูงวัยมากขึ้น ที่ชอบอยู่บ้านของตนเองมากกว่า ดังนั้น การปรับขนาดจัดการพื้นที่ใช้สอยในบ้านจะช่วยให้พวกเขายังสามารถคงอยู่ในบ้าน แต่ในขณะเดียวกันยังคงรองรับความต้องการที่เปลี่ยนไป เช่น บ้านขนาดใหญ่อาจจะทำห้องว่างให้เป็นห้องคนดูแล
- การค้าแบบอีคอมเมิร์ซยังคงได้รับความนิยมมากขึ้น
ช่องทางการค้าสินค้าตกแต่งบ้านแบบอีคอมเมิร์ซยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565 เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ชาวสิงคโปร์หันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น ในมุมมองชาวสิงคโปร์ ช่องทางอีคอมเมิร์ซทำให้มีตัวเลือกในการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านที่หลากหลายกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อของหน้าร้าน ทำให้พวกเขาค้นหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือสินค้าสั่งทำแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Pieces) ประกอบกับราคาที่แข่งขันได้ การจัดส่ง และบริการติดตั้งจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง
2. โอกาสทางการตลาดของสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในสิงคโปร์
- สินค้าตกแต่งบ้านกลางแจ้งเติบโตขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านความบันเทิงในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุเงินเฟ้อ ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์เริ่มมองหากิจกรรมความบันเทิงในบ้าน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายนอกบ้าน เมื่อสร้างบ้านใหม่ พื้นที่กลางแจ้งนอกบ้านได้ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น เทรนด์ดังกล่าวเพิ่มความต้องการซื้อเตาย่างบาร์บีคิว และเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งมากขึ้น
- เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในสิงคโปร์
พื้นที่ใช้สอยถือว่าเป็นสิ่งมีค่าในบ้านสิงคโปร์ ดังนั้นเจ้าของบ้านต่างต้องใช้ประโยชน์จากพื้นที่อันจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์เป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหานี้ เช่น โซฟาเบด หรือโต๊ะกาแฟ ที่มีพื้นที่เก็บของในตัว ช่วยให้เจ้าของบ้านได้เพิ่มประโยชน์ใช้สอยจากพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์คุ้มค่ากว่าการซื้อเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น ราคาเฟอร์นิเจอร์ในสิงคโปร์อาจแพง เนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูง และมีสินค้าที่ผลิตในประเทศค่อนข้างจำกัด ทำให้เจ้าของบ้านสามารถประหยัดเงินและใช้จ่ายเงินภายในงบได้อย่างคุ้มค่า
- ความยั่งยืนกลายมาเป็นบรรทัดฐานในสิงคโปร์
ความยั่งยืนมีความสำคัญในการตกแต่งบ้านในสิงคโปร์มากขึ้น เนื่องจากสิงคโปร์เผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรที่ดินจำกัด การสร้างของเสียเพิ่มขึ้นในระดับสูง ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์เพิ่มความตระหนักและกังวลในผลกระทบจากพฤติกรรมการบริโภคต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่ความต้องการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น วัสดุหลักที่ใช้ในการแต่งบ้านจะมีองค์ประกอบความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ไม้ไผ่ พลาสติกรีไซเคิล หรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้น้ำ หรือพลังงาน แบรนด์ Journey East และ แบรนด์ Scene Shang ได้นำเสนอเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนอย่าง โซฟา เก้าอี้นั่ง และโต๊ะ ที่ทำจากไม้ยึด (Reclaimed Wood หรือไม้ที่ได้จากโครงสร้างสิ่งปลูกสร้าง และนำมาใช้ใหม่) อย่างไม้สัก ไม้ไผ่ หวาย และเหล็กรีไซเคิล แบรนด์ต่างๆ นอกจากจะนำแนวปฏิบัติและใช้วัสดุที่ยั่งยืนแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาใช้อีกด้วย เช่น แบรนด์แฟชั่นแบบยั่งยืน Nost ได้ขายสิ่งทอในบ้าน โดยการพัฒนาวัสดุใหม่ที่ทำจากเส้นใยทอจากใบสัปปะรด เป็นต้น
2. Singapore Green Label Schemes (SGLS) ตราฉลากที่บริหารจัดการโดยสภาสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ (Singapore Environment Council : SEC) เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผลิตในลักษณะที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม โดยเป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมากกว่า 4,300 รายการ จากกว่า 50 ประเทศ รวมถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และสหรัฐฯ โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายให้ชาวสิงคโปร์สามารถระบุได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการสมัครฉลากดังกล่าวสามารถทำได้ทั้งบริษัทสิงคโปร์ และบริษัทต่างประเทศ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.sec.org.sg/sgls-and-enhances-sgls.aspx
- ตัวอย่างร้านจำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในสิงคโปร์
ในปี 2565 อิเกียยังคงครองส่วนแบ่งหลักในตลาดด้วยส่วนแบ่ง 9% ตามมาด้วย Courts (2.9%) และ Philips (2.3%) Osram, Novena, Castlery, King Koil และ Hip Van สัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 1%
- งานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในสิงคโปร์
- International Furniture Fair Singapore มีกำหนดจัดในช่วง 9-12 มีนาคม 2567 ที่ Marina Bay Waterfront Promenade
- FIND-Design Asia มีกำหนดจัดในช่วง 26-28 กันยายน 2567 ที่ Marina Bay Sands หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ designfairasia.com
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความคิดเห็นสคต.
ที่พักอาศัยในสิงคโปร์ส่วนมากจะมีพื้นที่ใช้สอยขนาดเล็ก ดังนั้นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านจึงต้องตอบโจทย์การใช้งานและความเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของสมาชิกในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์ซื้อสินค้าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ประชากรรุ่นใหม่ต่างสนใจในความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์สามารถนำข้อมูลแนวโน้มความนิยมในตลาดไปพัฒนาสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดสิงคโปร์ต่อไป
ที่มาข้อมูล : Euromonitor //Singapore Environment Council