บังกลาเทศมีกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๗ โดยปรากฎผลการเลือกตั้งสมัยที่ ๑๒ ของบังกลาเทศ ดังนี้
๑. ผลการเลือกตั้ง
– ผู้สมัครพรรค Awami League (AL) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ๒๒๒ คน จาก ๒๙๘ ที่นั่ง ทำให้นายกรัฐมนตรี นาง Sheikh Hasina ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เป็นสมัยที่ ๕ ทั้งนี้ มีพรรคการเมืองเข้าร่วมเลือกตั้ง ๒๘ พรรค และ ผู้สมัครอิสระ ๓๘๒ คน รวมผู้สมัครทั้งสิ้น ๑,๙๗๐ คน มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ ๔๑.๘ ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ๑๑๙,๓๓๓,๑๕๗ คน
๒. บรรยากาศการเลือกตั้ง
– การเลือกตั้งโดยรวม มีผู้มาใช้สิทธิค่อนข้างน้อย แม้รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดราชการ และได้เกิดเหตุวุ่นวายในหลายพื้นที่ เช่น การปะทะระหว่างผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านกับพรรครัฐบาล การประทุษร้ายผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งโดยกลุ่มผู้เห็นต่าง การชุมนุมประท้วงตามท้องถนนบางจุด อย่างไรก็ดี สถานการณ์มิได้ลุกลามภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่
๓. ความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน (พรรค Bangladesh National Party -BNP)
๓.๑ พรรค BNP และแนวร่วม เช่น พรรค Jamaat e-Islam ซึ่งประท้วงด้วยการไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่โปร่งใสและไม่เป็นประชาธิปไตย ได้เรียกร้องให้ประชาชนร่วมกัน ชุมนุมประท้วง เพื่อขัดขวางการเลือกตั้งระหว่างวันที่ ๖ – ๗ มกราคม ๒๕๖๗ รวม ๔๘ ชม. ซึ่งได้เกิดเหตุรุนแรง เช่น การเผาทำลายยานพาหนะขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะการเผาโบกี้โดยสารรถไฟชานกรุงธากา เมื่อคืนวันที่ ๕ มกราคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๔ คน
๓.๒ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พรรค BNP ได้จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ที่ทำการหัวหน้าพรรคว่า พรรค BNP ร่วมกับพรรคการเมือง ๖๒ พรรค ขอปฏิเสธผลการเลือกตั้ง ส.ส. สมัยที่ ๑๒ ซึ่งขาดความชอบธรรมและเป็นการขโมยเสียงของประชาชนบังกลาเทศ พร้อมกับเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี Hasina ลาออกจากตำแหน่ง โดยเตรียมจะจัดชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ ๙ – ๑๐ มกราคม เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองดังกล่าว
๔. ข้อสังเกต/ข้อมูลเพิ่มเติม
๔.๑ การเลือกตั้งโดยรวมเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากมีผู้มาใช้สิทธิค่อนข้างน้อย แม้ว่ารัฐบาลจะได้ประกาศเป็นวันหยุดราชการและร้านค้าหลายแห่งปิดบริการ เพื่อให้ พนง.ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. คณะกรรมการการเลือกตั้งบังกลาเทศ ได้แจ้งยอดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ร้อยละ ๒๕.๑๗ ของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด แต่ต่อมาในเวลา ๑๖.๐๐ น. หลังปิดหีบเลือกตั้ง ได้ประกาศเพิ่มเป็นร้อยละ ๔๑.๘
๔.๒ ตามกำหนดรัฐบาลชุดใหม่จะประกาศการจัดตั้ง ครม. ภายในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๗
๔.๓ ผลจากการเลือกตั้งที่ฝ่ายรัฐบาลยังคงกุมเสียงข้างมาก ทำให้คาดได้ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเศรษฐกิจน้อย และจะเป็นการบริหารสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน
๔.๔ บังกลาเทศยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และมีมาตรการการอนุมัติ L/C และจัดลำดับความสำคัญสินค้าที่่จะได้รับอนุมัติ L/C ก่อน/หลัง โดยจะให้ความสำคัญต่อสินค้าขั้นกลางเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม และสินค้าเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาประเทศก่อน นอกจากนั้นยังมีมาตรการยืดระยะเวลาชำระเงินจาก 180 วัน เป็น 360 วัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกที่ทำการค้ากับบังกลาเทศ ที่จะได้รับการชำระเงินค่าสินค้าล่าช้า
ความเห็นสำนักงาน:-
สถานการณ์ทางการเมืองของบังกลาเทศขณะนี้ถือว่าอยู่ในความสงบภายหลังจากการเลือกตั้ง ผิดความคาดหมายจากหลายฝ่ายที่คาดว่าจะเกิดความรุนแรงระหว่างการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการที่รัฐบาลใช้กำลังปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างหนัก รวมทั้งการจับกุมคุมขังแกนนำพรรคฝ่ายค้านจากพรรค BNP ทำให้ตัดทอนแนวร่วมฝ่ายค้านลงไปอย่างมาก แกนนำฝ่ายค้านระดับรองของพรรคการเมืองไม่มีพลังโน้มน้าวเพียงพอต่อการชักชวนแนวร่วมเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมืองได้
ในส่วนของภาคเศรษฐกิจบังกลาเทศ ยังคงอยู่ในสถานะเปราะบาง ภาครัฐยังมีหนี้เงินกู้ที่ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้ทวิภาคีและพหุภาคีที่กู้ยืมมาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และภาระในการรักษาระดับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศตามเงื่อนไขการรับเงินกู้ยืมจาก IMF ในส่วนของประชากรยังคงได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพสูง ภาวะเงินเฟ้อจากเศรษฐกิจภายในประเทศ และระดับโลก รวมทั้งจากสถานการณ์การเมืองระดับโลกที่มีการกระทบกระทั่ง ทำให้ระบบเศรษฐกิจบังกลาเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกต้องหยุดชะงัก การขนส่งสินค้าเพื่อการส่งออก ไม่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวก ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ ผลจากการกำกับควบคุมทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ทำให้ธนาคารกลางบังกลาเทศจำกัดการอนุมัติตราสารทางการเงินรวมทั้งการกำหนด L/C มาร์จินไว้สูงเป็นภาระของผู้นำเข้า และส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิตของบังกลาเทศที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ รวมทั้งภาคการบริโภคที่ถูกจำกัดการนำเข้าด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่พรรครัฐบาลเดิมเป็นผู้บริหาร คาดว่าสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศภายใต้นโยบายใหม่น่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจบังกลาเทศ