วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี และเนื่องจากวันคริสต์มาสเป็นวันหยุดตามประเพณีของสหรัฐอเมริกา จึงมีการเฉลิมฉลองสังสรรค์กันทั่วประเทศและชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะมีการแลกเปลี่ยนของขวัญ หรือซื้อของขวัญให้เพื่อนและครอบครัว

สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ National Retail Federation (NRF) ได้เผยแพร่ผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำโดย Prosper Insights ซึ่งได้นิยามช่วงเทศกาลวันหยุดของชาวอเมริกันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 31 ธันวาคม และได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างนักช้อปกว่า 8,000 ราย เกี่ยวกับแผนการช็อปปิ้งช่วงเทศกาลวันหยุด และได้ประมวลสินค้ายอดนิยมในช่วงเทศกาลปี 2566 มากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่  1) เสื้อผ้า 2) บัตรของขวัญ 3) ของเล่น 4) หนังสือและวิดีโอเกมส์ 5) อาหารและขนม  โดยพบว่าร้อยละ 43 ของนักช้อปวางแผนที่จะเริ่มซื้อสินค้าก่อนเดือนพฤศจิกายน การสำรวจยังพบว่าผู้บริโภควางแผนที่จะใช้จ่าย 875 เหรียญสหรัฐต่อคน สำหรับการซื้อสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลวันหยุดในปีนี้

NRF คาดการณ์ว่า ยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดของปี 2566 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 อยู่ที่ 957,300 -966,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ คาดว่าผู้ค้าปลีกจะจ้างพนักงานในช่วงฤดูเทศกาลดังกล่าวของปีนี้อยู่ที่จำนวน 345,000 ถึง 450,000 คน ซึ่งสอดคล้องกับการจ้างงานตามฤดูกาลในปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 391,000 คน เพื่อตอบสนองความต้องการในช่วงเทศกาลวันหยุด

           เทรนด์ของนักช้อปในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2566

  1. ร้อยละ 44 ของผู้บริโภคในสหรัฐฯ นิยมค้นหาสินค้าทางออนไลน์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการซื้อของขวัญ มากกว่าถามความคิดเห็นจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูง โดยสำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว โซเชียลมีเดียนั้นเป็นแหล่งไอเดียของขวัญยอดนิยม เทรนด์ของนักช้อปที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ค้นหาสินค้าตามเทรนด์ TikTok และ Instagram เพื่อดูว่าจะเลือกซื้ออะไร นักช้อปที่มีอายุระหว่าง 35 ถึง 44 ปี นิยมค้นหาสินค้าผ่าน Facebook                                                                          การช้อปปิ้งออนไลน์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของพฤติกรรมผู้บริโภคจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดขายออนไลน์ คาดว่าในปี 66 นี้จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7 ถึง 9  โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 273,700 – 278,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 255,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 ที่ผ่านมา
  1. ผู้บริโภคร้อยละ 59 นิยมชำระเงินผ่านระบบ PayPal ระบบ Apple Pay และ Venmo ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2565 และผู้บริโภคร้อยละ 35 ใช้การชำระสินค้าผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ ซึ่งต่างจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ที่บัตรเครดิตได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้ ผู้บริโภคเหลือเพียงร้อยละ 6 ที่เลือกชำระด้วยเงินสด
  2. Gift Card หรือบัตรของขวัญยังคงเป็นที่นิยม นักช้อปที่ไม่แน่ใจว่าควรมอบอะไรเป็นของขวัญ บัตรของขวัญ จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยม โดยสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ National Retail Federation (NRF) คาดว่า ยอดการใช้จ่ายจากบัตรของขวัญในปีนี้ ทั้งหมดจะมีมูลค่าเกิน 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเภทของบัตรของขวัญยอดนิยม ได้แก่ 1) บัตรของขวัญร้านอาหาร 2) บัตรของขวัญธนาคาร 3) บัตรของขวัญห้างสรรพสินค้า 4) บัตรของขวัญร้านกาแฟ
  3. จากการสำรวจของ WalletHub พบว่าชาวอเมริกันร้อยละ 34 เลือกที่จะไม่ซื้อของขวัญในปีนี้ เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากชาวอเมริกันหลายคนยังคงใช้หนี้จากการใช้จ่ายช่วงวันหยุดปีที่แล้ว ส่งผลให้ต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

ความคิดเห็นของสคต. นิวยอร์ก

เทศกาลวันหยุดเป็นเทศกาลสำคัญที่ชาวอเมริกันจะออกมาใช้จ่ายในทุกๆ ปี สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน อาจส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยผู้บริโภคอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายของตนในแต่ละหมวดหมู่สินค้า ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Instagram/Facebook อาจเป็นช่องทางที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมและปรับแนวทางของตนให้ตรงกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯ และเลือกใช้โซเชียลมีเดีย ในการเจาะตลาดลูกค้าชาวอเมริกัน เพื่อกระตุ้นยอดขายของสินค้า และหาฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มการส่งออกไทยสู่ตลาดสหรัฐฯ ต่อไป

ข้อมูลอ้างอิงจาก:

https://www.newsweek.com/most-popular-gifts-2023-1849766

https://nrf.com/media-center/press-releases/2023-holiday-reach-record-spending-levels

สคต. นิวยอร์ก ธันวาคม 2566

 

thThai