อินเดียจ่อเลื่อนการขอใบอนุญาตนำเข้าแล็ปท็อป-แท็บเล็ต-พีซี หลังเอกชนกดดันหวั่นกระทบทางลบ

รัฐบาลอินเดียมีแนวโน้มที่จะขยายกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรการใบอนุญาตนำเช้าแล็ปท็อป แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเซิร์ฟเวอร์ออกไปอีกประมาณ 9-12 เดือนจากเดิมที่กำหนดจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566
แหล่งข่าวกล่าวว่า การหารือระหว่างรัฐบาลอินเดียและภาคอุตสาหกรรมไอทีขั้นสูงใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว ซึ่งต่างเห็นว่ามาตรการจูงใจที่เชื่อมโยงกับการผลิตในประเทศ (Product-Linked Incentive) ตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุนมูลค่ากว่า 17,000 ล้านรูปีได้รับการตอบสนองจากภาคอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก และบริษัทที่สมัครขอรับการสนับสนุนอาจจะต้องใช้เวลาในการลงทุนและยกระดับการผลิต จึงควรรอดูผลลัพธ์ของการผลิตภายในระยะเวลาหนึ่งปีข้างหน้า
อีกปัจจัยหนึ่งที่ค่อนข้างมีน้ำหนักต่อการพิจารณาเลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า คือ ประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อาจจะใช้มาตรการตอบโต้กับอินเดียบนเหตุผลที่ว่าอินเดียมีการส่งออกสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2023 มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 96% จากปีก่อนหน้า และส่วนใหญ่เป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งความเคลื่อนไหวตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่ออินเดียย่อมส่งผลเสียต่อโครงการสนับสนุนการผลิตสมาร์ทโฟนของอินเดีย
ในช่วงสองเดือนแรกของปีงบประมาณ 2023-2024 (เมษายน-พฤษภาคม) สหรัฐฯ กลายเป็นตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่ที่สุดของอินเดียโดยส่งออกเพิ่มขึ้น 775% เมื่อเทียบกับปีก่อน และอินเดียส่งออกสมาร์ทโฟนรวมทั้งสิ้นมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ มูลค่า 812.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือหนึ่งในสามของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับสองไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา  นอกจากนี้อินเดียยังส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปีงบประมาณ 2023 เพิ่มขึ้น 57% เป็น 23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับที่ 6 ของอินเดีย
แหล่งข่าวยังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวตอบโต้โดยฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากสมาคมอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียต่างมีสมาชิกที่เป็นบริษัทชั้นนำที่ลงทุนในอินเดีย เช่น  Apple, Amazon, AMD, HP, Dell, Intel, Cisco, Samsung, IBM, Meta และ Micron ได้มีหนังสือถึงรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลอินเดียพิจารณาทบทวนการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า และเปิดการหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อยื่นข้อเสนอแนะของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อรัฐบาล ซึ่งบริษัทต่างๆ ชี้ว่ามาตรการใบอนุญาตนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์ไอทีและชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ แม้แต่องค์กรอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอินเดีย (Nasscom) ได้ขอให้รัฐบาลละเว้นและทบทวนการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการใบอนุญาตนำเข้าเนื่องจากจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมไอทีของอินเดียมูลค่า 245 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นายราจีฟ จันทรเศขาร รัฐมนตรีกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และไอทีของอินเดียไม่ได้ตอบชัดเจนว่ารัฐบาลจะเลื่อนกำหนดการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้าหรือไม่ และยังมองว่าอินเดียไม่มีข้อจำกัดในการนำเข้า แต่เป็นการจัดระบบการนำเข้าที่จะทำให้มั่นใจว่าอุปกรณ์เซิร์ฟเวร์ คอมพิวเตอร์ และแท็ปเล็ตที่นำเข้ามาในระบบนิเวศเทคโนโลยีของอินเดียนั้นมีแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศอินเดียได้ออกประกาศข้อจำกัดการนำเข้าแล็ปท็อป แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเซิร์ฟเวอร์ โดยเริ่มมีผลทันที และการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องมีใบอนุญาตให้นำเข้า โดยยกเว้นการนำเข้ามา 1 เครื่องและสำแดงเป็นของติดตัว หรือของที่สั่งซื้อผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ของนำกลับเข้ามาหลังส่งซ่อมในต่างประเทศ และจำกัดจำนวนไม่เกิน 20 เครื่องต่อใบขน สำหรับกรณีนำเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยและพัฒนา ทดสอบ ซ่อมหรือส่งออกกลับโดยระบุห้ามจำหน่ายกำกับไว้ในการขออนุญาตนำเข้า อย่างไรก็ตาม หลังการออกประกาศทำให้ภาคอุตสาหกรรมไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ออกมาร้องขอคำชี้แจงและแสดงความกังวลผลกระทบในวงกว้างทั้งผลกระทบต่อการเริ่มการผลิตในประเทศทันที การจัดหาปัจจัยการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน และต้นทุนและราคาในประเทศเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุให้กรมการค้าต่างประเทศอินเดียออกประกาศแก้ไขในวันที่ 4 สิงหาคม โดยเลื่อนกำหนดเวลามีผลใช้บังคับเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของ สคต.กรุงนิวเดลี
1. รัฐบาลอินเดียมีแนวโน้มออกมาตรการจำกัดและควบคุมการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายกลุ่มสินค้าเพื่อสนับสนุนและเพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศตามเป้าหมาย Make in India และลดการพึ่งพานำเข้าจากจีนโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ โดยตลาดไอทีและฮาร์ดแวร์ในอินเดียมีมูลค่ากว่า 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่มีการผลิตในอินเดียเพียง 35% เท่านั้นและเป็นการนำเข้ากว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าตลาด ทั้งนี้ ในปี 2565 อินเดียนำเข้าแล็ปท็อป แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดให้มีใบอนุญาตนำเข้ามูลค่ากว่า 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนำเข้าจากจีนกว่า 60% ของมูลค่านำเข้า รองลงมา 16% เป็นการนำเข้าจากสิงคโปร์  และ 10% จากฮ่องกง
2. ในปีที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกเครื่องประมวลผลคอมพิวเตอร์ไปอินเดียมูลค่า 0.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.02% ของการส่งออกเครื่องประมวลผลทั้งหมด แม้ผลกระทบต่อการส่งออกอาจจะไม่รุนแรงมากนักหากพิจารณาจากมูลค่าการส่งออก แต่ผู้ส่งออกไทยควรเตรียมการปรับตัวรองรับโดยรักษามาตรฐานคุณภาพของสินค้าและความสัมพันธ์กับคู่ค้า รวมทั้งติดตามเงื่อนไขของการออกใบอนุญาตดังกล่าว
———————————————————-
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
7 กันยายน 2566
ที่มา: Economic Times, 5 September 2023, Laptop licensing may see a year’s extension.
thThai