อัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียพุ่งสูงสุดที่ 24.08% ในเดือนกรกฎาคม 2566

สำนักสถิติแห่งชาติไนจีเรียรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งวัดอัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียพุ่งสูงสุดที่ 24.08% ในเดือนกรกฎาคม 2566 สูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษและเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่เจ็ดซึ่งยังเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 17 ปีเมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน (มิถุนายน 2566 อยู่ที่ 22.79%) อัตราเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคม 2566 เพิ่มขึ้น 1.29% และเมื่อเทียบรายปีที่บันทึกไว้ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งอยู่ที่ 19.64% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 4.44%

ตามรายงานฯ อัตราเงินเฟ้อของอาหารเร่งขึ้นเป็นร้อยละ 26.98 ในเดือนกรกฎาคมฯ จากร้อยละ 25.25 ในเดือนมิถุนายนฯ และแม้ว่าราคาอาหารจะสูงขึ้นทั่วไนจีเรียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์กลับแย่ลงเนื่องจากผลกระทบของนโยบายภาครัฐ เช่น การยกเลิกการอุดหนุนน้ำมัน เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ในระหว่างการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี นายทินูบุฯ ได้ประกาศยกเลิกการอุดหนุนน้ำมันซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากสำหรับชาวไนจีเรียจำนวนมากด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการ นอกเหนือจากการยกเลิกเงินอุดหนุนแล้ว ธนาคารกลางแห่งไนจีเรีย (CBN) ยังประกาศการรวมตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) ทุกส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างความโปร่งใสในตลาดและเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนซึ่งนโยบายนี้ได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวางว่ามีความตั้งใจดีและมีความจำเป็น แต่ก็ได้สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับสกุลเงินท้องถิ่นและผู้ผลิตโดยมีผลกระทบต่อราคาสินค้าฯ

นอกจากนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงในเศรษฐกิจประเทศที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกา ยังกระตุ้นให้ธนาคารกลางไนจีเรียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษโดยในเดือนกรกฎาคมฯ ธนาคารกลางฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานเป็นร้อยละ 18.75

ในขณะที่การปฏิรูปของประธานาธิบดีคนใหม่ยังคงดำเนินต่อไป อัตราเงินเฟ้อประจำปีของไนจีเรียเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดทำให้ปัญหาค่าครองชีพลึกลงไปในเศรษฐกิจของประเทศฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2559 อัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียอยู่ที่เลขสองหลักซึ่งได้ทำลายรายได้และเงินออม และบีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดดังกล่าว ทั้งนี้ มาตรการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ประธานาธิบดีคนใหม่ดำเนินการคือยกเลิกข้อจำกัดการซื้อขายเงินตราต่างประเทศซึ่งทำให้ค่าเงินไนร่าอ่อนค่าลงกว่า 40% และยกเลิกการอุดหนุนน้ำมันเบนซินที่เป็นที่นิยมแต่มีราคาแพงทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า

thThai