ข่าววันที่ 23 กรกฎาคม 2566 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบังกลาเทศ รายงานวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงทางด้านอาหารว่า รัฐบาลไม่ห่วงความมั่นคงด้านอาหาร หลังจากที่รัสเซียถอนตัวออกจากโครงการ Black Sea Grain Initiative (BSGI) และอินเดียได้สั่งห้ามส่งออกข้าวทุกประเภท ยกเว้นข้าวบาสมาติ และสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่าจะทำลายพืชผลทางการเกษตร อะไรทำให้บังกลาเทศยังไม่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหาร โดยที่สถานการณ์การผลิตยังไม่ชัดเจน รวมทั้งความขัดแย้งของประเทศคู่ขัดแย้งต่างเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ให้บังกลาเทศ

ยูเครนและรัสเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารหลักสำหรับประชากรของประเทศไม่รับประทานข้าวเป็นอาหารในแถบยุโรป แอฟริกา และอเมริกา ส่วนข้าวเป็นอาหารหลักสำหรับประชากรส่วนใหญ่ในหลายส่วนของโลก ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตอยู่ในเอเชีย

เมื่อรัสเซียประกาศว่าเรือลำใดก็ตามที่มุ่งหน้าไปยังหรือออกจากท่าเรือของยูเครนข้ามทะเลดำจะถูกพิจารณาว่าเป็นเรือสงคราม ห่วงโซ่อุปทานของอาหารจากยูเครนจะเสียหายอย่างมาก การคว่ำบาตรเพิ่มเติมของอเมริกาและพันธมิตรในยุโรปต่อรัสเซียหลังจากการยกเลิกข้อตกลงธัญพืชยังจะทำให้การส่งออกอาหารและปุ๋ย ไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกา ต้องยุ่งยากลำบากมากขึ้นด้วย ขณะนี้ ราคาข้าวสาลีในยุโรปเริ่มสูงขึ้นแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่ราคาข้าวจะไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับต้น ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 40 เปอร์เซ็นต์ในตลาดโลก ผู้ส่งออกรายอื่นยังคงไม่มีความสามารถในการเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออย่างกระทันหัน  

          ทางการบังกลาเทศรับรองว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการขาดแคลนอาหารในประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอาหารถึงกับอ้างว่า สต๊อกล้นมากจนทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับเก็บ สต็อกเก่าจึงถูกใช้สำหรับการระบายแบบปันส่วน

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอาหารเปิดเผยสต๊อกธัญพืชว่ามีจำนวน 2.0 ล้านตัน บังกลาเทศได้นำเข้าข้าวราว 1.05 ล้านตัน ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยรัฐบาลนำเข้า 0.6 ล้านตัน ส่วนที่เหลือนำเข้าโดยเอกชน ผู้นำเข้าเอกชนได้รับอนุญาตให้นำเข้าข้าวได้ถึง 1.8 ล้านตัน และนำเข้าแล้ว 0.45 ล้านตัน ในส่วนของผลการผลิตข้าวในประเทศ ผลผลิตข้าวฤดู Boro และ Aman คาดว่าจะได้ผลดีอีกด้วย                             

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ วิเคราะห์ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอาหารอาจมองโลกในแง่ดีและความมั่นใจมากเกินไป ข้อเท็จจริงอาจมีภาพแตกต่างออกไปเล็กน้อย โดยเฉพาะผลผลิตและการเก็บเกี่ยวข้าว Boro อาจจะได้ผลดี แต่ไม่แน่ใจว่าผลผลิตของฤดู Aman จะได้ผลผลิตตามที่ประมาณการณ์ไว้หรือไม่ หรือจะสามารถตัดความจำเป็นในการนำเข้าได้หรือไม่ หากการเก็บเกี่ยวฤดู Aman ประสบปัญหาด้วยเหตุผลบางประการ บังกลาเทศอาจต้องนำเข้าข้าวบางส่วน ซึ่งอาจจะเป็นข้าวจากเวียดนามและเมียนมาร์

              โดยรวมแล้ว สถานการณ์อาหารที่ทางการวาดไว้ว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้หลายคนมั่นใจในความมั่นคงทางอาหาร เมื่ออินเดียห้ามส่งออกข้าวเมื่อปีที่แล้ว ผลกระทบต่อตลาดข้าวในบังกลาเทศค่อนข้างแย่ ทางการรับรองว่าบังกลาเทศจะไม่ได้รับผลกระทบจากการห้ามของอินเดีย แต่ในความเป็นจริง บังกลาเทศกลับต้องมองหาทางเข้าข้าวจากประเทศอื่นอย่างกระทันหันและเห็นได้ชัดว่ามีต้นทุนที่สูงกว่ามาก รวมทั้ง สต็อกที่เพียงพอไม่ได้รับประกันการเข้าถึงอาหารของกลุ่มคนยากจนและกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย หากราคาข้าวในตลาดต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น กลุ่มผู้ค้าที่เอาเปรียบจะเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นหลายเท่า เพื่อให้ระดับราคาสูงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเอื้อมถึงได้ หากมีสต็อกเพียงพอ รัฐบาลต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตลาดที่ปั่นป่วนจะไม่กีดกันผู้มีรายได้น้อย

ความเห็นสำนักงาน

  1. ขณะนี้ รัฐบาลบังกลาเทศมีความมั่นใจว่า ผลผลิตข้าวในประเทศจะได้ผลดี รวมทั้งปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐบาลมีเพืยงพอ และได้จัดทำโครงการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการอาหารจำหน่ายข้าวสารและสินค้าอื่นๆ ในราคาถูกแก่ผู้มีรายได้น้อย และอยู่ระหว่างการจัดซื้อข้าวเปลือกและข้าวสารภายในประเทศเพื่อรักษาระดับสต๊อก
  2. สินค้าข้าวนึ่งไทยที่บังกลาเทศนำเข้ามาในช่วงปลายปี 2565-ต้นปี 2566 ได้นำออกจำหน่ายภายใต้โครงการในข้อ 1 ด้วย โดยจำกัดการจำหน่ายไม่เกินรายละ 5 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 30 ตากา (ประมาณ 10 บาท)
  3. ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทน้ำมันพืช น้ำตาลทราย ถั่ว ทำให้หน่วยงานบรรษัทการค้าของบังกลาเทศ ซึ่งสังกัดกระทรวงพาณิชย์จะออกมาเปิดประมูลนำเข้าสินค้าจากผู้ส่งออกนานาชาติเป็นระยะๆ เมื่อมีผู้ชนะการประมูล รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์จะจัดรถบรรทุกสินค้าออกไปจำหน่ายในชุมชน กำหนดให้ผู้ซื้อใช้สิทธิสวัสดิการของรัฐประเภทต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการ (Welfare Card) บัตรครอบครัว (Family Card) และกำหนดปริมาณการซื้อแต่ละครั้ง แต่เนื่องจากจำนวนคนมีรายได้น้อยที่มีสิทธิ์กระจุกตัวในชุมชน ทำให้สินค้าที่นำมาจำหน่ายมักจะไม่เพียงพอ
  4. บังกลาเทศยังขาดแคลนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อบังกลาเทศต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคำนวณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศแบบใหม่ ส่งผลให้ทุนสำรองปัจจุบันเหลือเพียง 23.449 พันล้านเหรียญ สรอ. แทนที่จะเป็น 29.850 พันล้านเหรียญ สรอ. ส่งผลให้รัฐบาลบังกลาเทศมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น
  5. ปีงบประมาณ 2566-67 รัฐบาลบังกลาเทศจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล และได้ปรับลดงบประมาณนำเข้าสินค้าอาหารโดยเฉพาะธัญพืชลง เนื่องมาจากสาเหตุการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และจากการคาดการณ์ผลผลิตในประเทศจะได้ผลดี โดยจะจัดซื้อภายในประเทศแทน ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการห้ามการส่งออกข้าวของอินเดียและการที่รัสเซียถอนตัวออกจากโครงการ BSGI ได้

—————–

สคต. ณ กรุงธากา
กรกฎาคม 2566

บังกลาเทศไม่ห่วงความมั่นคงด้านอาหาร!

thThai