เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มีการจัดประชุมสามฝ่ายระหว่างตุรกี รัสเซีย และยูเครน ณ โรงแรม Çırağan Kampinski นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมี Hakan Fidan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศตุรกีทำหน้าที่เป็นประธาน การจัดประชุมในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายหลัก คือ การหารือแนวทางยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่นำคู่ขัดแย้งกลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งหลังจากที่สงครามยืดเยื้อมายาวนาน โดยการประชุมทั้งสามฝ่ายมีผู้เข้าร่วมประชุม ดังนี้ (1) ฝ่ายตุรกี ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ Hakan Fidan, หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (MİT) İbrahim Kalın และผู้บัญชาการทหารสูงสุด Metin Gürak (2) ฝ่ายรัสเซีย ประกอบไปด้วย ที่ปรึกษาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน Vladimir Medinskiy, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Mikhail Galuzin, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม Aleksandr Fomin และหัวหน้าหน่วยข่าวกรองหลักของกองเสนาธิการทหารสูงสุด (GRU) Igor Kostyukov และ (3) ฝ่ายยูเครน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Rustem Umerov, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ Sergiy Kyslytsya, รองประธานหน่วยความมั่นคงยูเครน (SBU) Oleksandr Poklad และรองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ Oleh Luhovskyi

 

ผลของการประชุมในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มีการตกลงในการขยายการแลกเปลี่ยนเชลยศึก โดยก่อนหน้านี้มีการแลกเปลี่ยนเชลย 1,000 คนต่อฝ่าย ซึ่งสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในการประชุมครั้งล่าสุด รัสเซียได้เตรียมการแลกเปลี่ยนรอบใหม่ซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุด รวมทหารบาดเจ็บสาหัส และทหารอายุต่ำกว่า 25 ปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน และจะส่งศพทหารยูเครนที่ระบุตัวตนแล้ว 6,000 ราย กลับคืนภายในสัปดาห์ถัดไป นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังตกลงจัดตั้งคณะกรรมาธิการการแพทย์ถาวร เพื่อคัดกรองเชลยศึกที่บาดเจ็บโดยไม่ต้องรอการตัดสินใจทางการเมืองอีกด้วย ในมิติของด้านมนุษยธรรม ยูเครนได้ยื่นรายชื่อเด็กที่ต้องการให้รัสเซียส่งกลับ จำนวน 339 คน ซึ่งรัสเซียระบุว่ามีการส่งกลับแล้ว 101 คน แต่ยูเครนได้รับตัวเพียงแค่ 22 คน โดยทางรัสเซียยืนยันว่าเด็กเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากแนวรบ และกำลังอยู่ระหว่างการติดตามหาผู้ปกครอง

 

ในประเด็นการหยุดยิง รัสเซียเสนอร่างบันทึกความเข้าใจ (memorandum) สองส่วนหลักด้วยกัน ได้แก่ (1) ขอให้ยูเครนหยุดยิง และถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาค Kherson, Zaporizhzhia, Donbas และ Luhansk และ (2) เสนอเงื่อนไขการลดกำลังพล ยุติการรับความช่วยเหลือจากต่างชาติ พร้อมประกาศความเป็นกลาง ขณะที่ยูเครนกล่าวว่าได้ส่งข้อเสนอของตนไปยังรัสเซียล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไร้วี่แววการตอบกลับ พร้อมทั้งย้ำถึงเรื่องการส่งเด็กคืนกลับยูเครนเพื่อพิสูจน์ความจริงใจจากรัสเซีย อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะยังไม่มีข้อตกลงหยุดยิง แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือกันอีกครั้ง และเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำ ซึ่งถูกเสนอให้จัดการประชุมรอบถัดไประหว่างวันที่ 20 – 30 มิถุนายน โดยอาจเชิญผู้นำจากประเทศอื่นเข้าร่วมด้วย

 

สำหรับฝ่ายตุรกีนั้นยังคงแสดงบทบาทสำคัญในฐานะตัวกลาง โดยรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงต่างประเทศ Hakan Fidan ยืนยันความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในทุกด้าน และยึดมั่นให้ความสำคัญกับความไว้วางใจจากทั้งสองฝ่าย

 

ท้ายที่สุด ภาพรวมของการเจรจาครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยตุรกีมองว่าบรรยากาศในการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ขณะที่รัสเซียมีความรู้สึกพึงพอใจในผลลัพธ์ และย้ำถึงแผนการหยุดยิงและแลกเปลี่ยนเชลย ฝ่ายยูเครนเองก็เล็งเห็นว่าผลลัพธ์ของการแลกเปลี่ยนเปลี่ยนเชลยศึกนั้นถือเป็นความสำเร็จและก้าวสำคัญ ทว่ามันอาจยังไม่เพียงพอ เนื่องจากรัสเซียยังไม่ยอมรับการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข และปรับเปลี่ยนข้อเสนออยู่เรื่อย ๆ ยูเครนจึงเน้นย้ำว่าการหยุดยิงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพื่อให้การเจรจาสามารถเดินหน้าต่อได้ในอนาคต

 

 

 

ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ

จากการประชุมไตรภาคีที่นครอิสตันบูล สะท้อนให้เห็นว่าตุรกียังคงยึดบทบาทผู้ไกล่เกลี่ย ทั้งจากการเป็นเจ้าภาพในการพูดคุย การเสนอพื้นที่เจรจา และการพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียและยูเครน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกประเทศจะสามารถทำได้ภายใต้บริบทสงครามที่ตึงเครียด โดยตลอดระยะเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ตุรกีสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลาง และรักษาความสัมพันธ์จากทั้งสองฝ่ายได้อย่างดีมาตลอด ทั้งในด้านการทูตและการค้า เช่น ตุรกีสามารถพูดคุยกับรัสเซียได้ในเรื่องของโครงการท่อส่งก๊าซ (TurkStream) และในขณะเดียวกัน การนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างตุรกีและยูเครนก็ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่รัสเซียและยูเครนตัดสินใจมาเข้าร่วมเจรจาหารือกันที่นครอิสตันบูล จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ตุรกีสามารถรักษาไว้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นจุดแข็งของตุรกีในฐานะตัวกลางที่มีความยืดหยุ่นทางการเมืองและการทูตระหว่างประเทศ

 

ที่มา: https://www.aa.com.tr/tr/gundem/turkiye-rusya-ukrayna-uclu-toplantisi-istanbulda-yapildi/3586386#

thThai