สถาบันทรัพยากรธรรมชาติฟินแลนด์ (Natural Resources Institute Finland: Luke) รายงานข้อมูลล่าสุดว่า ในปี 2024 ชาวฟินแลนด์บริโภคปลาโดยเฉลี่ยลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 11 กิโลกรัมต่อคน จากเดิมประมาณ 17 กิโลกรัมในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ตามตัวเลขดังกล่าว สะท้อนถึงปริมาณอาหารที่มีให้บริโภคในตลาด ไม่ใช่ปริมาณที่บริโภคจริง
ในภาพรวม ประชาชนบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเนื้อวัวและเนื้อไก่ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 78 กิโลกรัมต่อคนต่อปี รวมถึงมีการบริโภคข้าวโอ๊ตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 12 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งสูงขึ้นประมาณ 2 กิโลกรัมจากปีก่อน โดยทางสถาบัน Luke ชี้ว่า ข้าวโอ๊ตยังคงใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ มากกว่าอาหารคนในฟินแลนด์
ทั้งนี้ การบริโภคผลิตภัณฑ์นม (liquid dairy products) ลดลงประมาณ 2% มาอยู่ที่ 85 ลิตรต่อคน โดยนมพร่องมันเนยและนมไขมันต่ำยังคงได้รับความนิยมสูงสุด แม้จะมีการบริโภคลดลง ขณะที่นมสดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากลดลงมานานหลายปี แต่ยังมีสัดส่วนเพียง 13% ของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมทั้งหมด
ในส่วนของผลิตภัณฑ์นมชนิดอื่น การบริโภคชีสเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 26.1 กิโลกรัมต่อคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ขณะที่การบริโภคเนยยังคงที่ที่ประมาณ 3.1 กิโลกรัมต่อคน
ด้านผักและผลไม้ มีแนวโน้มการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยการบริโภคผลไม้สดเฉลี่ยเกิน 48 กิโลกรัมต่อคน และผักเฉลี่ยที่ 64 กิโลกรัมต่อคน โดยผลไม้ตระกูลส้มมีสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของการบริโภคผลไม้ทั้งหมด
แหล่งที่มา: Yle
บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:
จากรายงานของสถาบันทรัพยากรธรรมชาติฟินแลนด์ (Luke) ที่ระบุว่าการบริโภคปลาต่อหัวในปี 2024 ลดลงจากประมาณ 17 กิโลกรัม เหลือไม่ถึง 11 กิโลกรัม อาจสะท้อนปัญหาด้านอุปทานในตลาดไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาด้านการจับปลาในภูมิภาค ปลาในฤดูกาลไม่เพียงพอ ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น การขนส่งที่ล่าช้า หรือข้อจำกัดทางสิ่งแวดล้อมและกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในยุโรป สิ่งนี้อาจสะท้อนโอกาสสำหรับผู้ส่งออกจากไทย โดยเฉพาะกลุ่มปลาทะเลและอาหารทะเลแช่แข็ง ที่สามารถตอบสนองช่องว่างในตลาดได้
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. – เม.ย.) การนำเข้ากลุ่มสินค้าปลาและอาหารทะเลของฟินแลนด์มีมูลค่า 123 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ นอร์เวย์ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 18 มูลค่า 1,123 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,887 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.00 ของการนำเข้าทั้งหมด
ประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายสำคัญของโลก อาจใช้โอกาสนี้ในการขยายตลาดสู่ฟินแลนด์ได้ โดยเน้นจุดแข็งด้านความหลากหลายของวัตถุดิบ การแปรรูปที่ได้มาตรฐานสากล และการรับรองด้านความยั่งยืน เช่น การประมงอย่างรับผิดชอบ (Responsible Fishing) และระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้า (Traceability) ทั้งนี้ อาหารทะเลแช่แข็งหรือพร้อมปรุงพร้อมทานจากไทย เช่น กุ้งแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง หรืออาหารทะเลผสมซอสแบบเอเชีย อาจตอบโจทย์ตลาดที่กำลังขาดแคลนวัตถุดิบสดแต่ยังต้องการทางเลือกที่มีคุณภาพและสะดวกในการบริโภค
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกสามารถร่วมมือกับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในฟินแลนด์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของอาหารทะเลไทยในฐานะทางเลือกที่มีความยั่งยืน ปลอดภัย และมีรสชาติที่หลากหลายได้
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
563 ถนน นนทบุรี ตำบล บางกระสอ
อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-507-7999
สายตรงการค้าระหว่างประเทศ: 1169
ผู้ใช้ที่กำลังออนไลน์ : 8 คน | จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด : 8076504 คน
สงวนลิขสิทธิ์ © 2023 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ