ตลาดรถยนต์ในอิตาลียังคงเผชิญภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยเฉพาะทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของอิตาลี Centro Studi Promotor รายงานว่า ในเดือนพฤษภาคม 2568 มียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ทั้งสิ้น 139,390 คัน ลดลง 0.16% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 ส่วนยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 68 ถึงพฤษภาคม 68 อยู่ที่ 722,452 คัน ลดลง 0.54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว สาเหตุหลักที่อาจส่งผลต่อการชะลอตัวของตลาด ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมไปถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับสหภาพยุโรป
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (ISTAT) ได้รายงานว่า ในเดือนเมษายน 2568 ตัวเลขการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ของอิตาลีโดยรวมลดลง 17.6% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ขณะที่ในเดือนมกราคม-เมษายน 2568 ลดลงถึง 22.4% ส่วนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งชาติของอิตาลี (AINFA) รายงานว่า หากพิจารณาแยกตามภาคส่วนผลิต ดัชนีการผลิตรถยนต์ลดลง 30% ในเดือนเมษายน 2568 และลดลง 29% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการผลิตตัวถังรถยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วงเพิ่มขึ้น 12.9% ในเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้น 5.6% ในช่วง 4 เดือนแรก ในทางกลับกัน การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมสำหรับรถยนต์และเครื่องยนต์ลดลง 6.4% ในเดือนเมษายน และลดลง 15.9% ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568
ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ภายในอิตาลียังดำเนินไปอย่างล่าช้า จากข้อมูลของสหภาพผู้แทนจำหน่ายรถยนต์นำเข้าแห่งชาติ (Unrae) พบว่า รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5.1% ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.8% ในเดือนเมษายน และ 3.6% ในช่วงเดียวกันของปี 2567 ส่วนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพิ่มขึ้นเป็น 6.4% จาก 5.7% ในเดือนเมษายน และ 3.3% ในพฤษภาคม 2567 ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ารวมมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 11.5% ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งที่ปล่อยมลพิษต่ำหรือเป็นศูนย์ (zero-emission mobility)
นอกจากนี้ 97% ของผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ในอิตาลีระบุว่าปริมาณคำสั่งซื้อในเดือนพฤษภาคม 68 อยู่ในระดับต่ำมาก ขณะที่ 45% ชี้ว่ายังมีรถใหม่ตกค้างในสต็อกในระดับสูง และ 95% รายงานว่ามีลูกค้าเข้าชมโชว์รูม/ร้านตัวแทนจำหน่ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหากไม่มีมาตรการเยียวยาหรือสนับสนุนจากรัฐบาล แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในอิตาลีในระยะสั้นจะมีโอกาสถดถอยยิ่งขึ้น
บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง Stellantis ซึ่งผลิต ออกแบบ และจัดจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ชั้นนำจำนวน 14 แบรนด์ เช่น Alfa Romeo, Fiat, Lancia และ Maserati ก็ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 บริษัทได้จดทะเบียนรถในอิตาลีจำนวน 39,118 คัน ลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 30.3% เหลือ 28% ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกของปี Stellantis มียอดขายรวม 216,811 คัน ลดลง 7.8% จากปีก่อน และส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 32.4% เหลือ 30%
ทั้งนี้ สถานการณ์ในสหภาพยุโรปโดยรวมก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก ศูนย์วิจัย Centro Studi Promotor ชี้ว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอิตาลี แต่สะท้อนถึงภาวะตลาดรถยนต์ที่ซบเซาในสหภาพยุโรปเช่นกัน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ตลาดในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกกลับสามารถฟื้นตัวและเติบโตเกินกว่าระดับก่อนเกิดวิกฤติไปแล้ว โดย Mr. Apostolos Tzitzikōstas กรรมาธิการด้านการขนส่งของสหภาพยุโรป ระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์มีสัดส่วน 7% ของ GDP สหภาพยุโรป และสร้างงานให้กับประชาชนกว่า 14 ล้านคน แต่อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญความเสี่ยงทั้งจากความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ และ มาตรการกีดกันทางการค้า
ในด้านการส่งออก ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 การส่งออกรถยนต์ (ทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์) ของอิตาลีมีมูลค่า 2.86 พันล้านยูโร ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 5.75 พันล้านยูโร สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศปลายทางหลักของการส่งออกรถยนต์จากอิตาลี คิดเป็นสัดส่วน 22.1% ตามด้วยเยอรมนี 19.9% และฝรั่งเศส 14.3% ในขณะเดียวกัน การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์มีมูลค่า 3.94 พันล้านยูโร โดยมียอดดุลการค้าเป็นบวก 1.13 พันล้านยูโร
ท่ามกลางความท้าทายที่ถาโถม ทั้งความต้องการในตลาดที่ลดลง การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่ยังไม่แน่นอน และการแข่งขันจากตลาดโลก อุตสาหกรรมรถยนต์อิตาลีจึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
การส่งออกรถยนต์ของไทยมายังอิตาลี
แม้ว่าภาพรวมการผลิตในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของอิตาลียังคงชะลอตัว แต่การส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และชิ้นส่วนจากประเทศไทยไปยังอิตาลีกลับขยายตัวในทิศทางบวก โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–พฤษภาคม) ไทยส่งออกไปยังอิตาลีรวม 103.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 0.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุก (ประมาณ 3,500 คัน) ทั้งนี้ อิตาลียังครองตำแหน่งประเทศในสหภาพยุโรปที่ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าดังกล่าวสูงที่สุด
ตลาดรถยนต์อิตาลีซบเซา ยอดขายหด รถยนต์ไฟฟ้าโตช้า แต่ไทยส่งออกรถยนต์มาอิตาลียังขยายตัว
ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน
1. จากข้อมูลของศูนย์วิจัยยานยนต์ของอิตาลี (Osservatorio Connected Vehicle & Mobility) แนวคิด Smart Mobility หรือการขนส่งอัจฉริยะ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเทศบาล (Comune) เมืองต่าง ๆ ทั่วอิตาลี โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปี (ระหว่างปี 2565–2567) มีเทศบาลมากถึง 65% ที่เริ่มดำเนินโครงการด้านนี้แล้ว โดยมีทั้งการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Mobility) การเดินทางแบบใช้พาหนะร่วมกัน (Sharing Mobility) และระบบบริหารจัดการจราจร ขณะเดียวกันยังมีการทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving) และแม้กระทั่งการคมนาคมทางอากาศ (Air Mobility) อย่างไรก็ตาม โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยังคงติดอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และยังไม่สามารถนำไปใช้งานจริงได้ โดยเฉพาะในเทศบาลขนาดเล็กที่เผชิญกับปัญหาใหญ่คือ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ
2. อุตสาหกรรมรถยนต์ของอิตาลีและยุโรปกำลังเผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ความเสี่ยงด้านต้นทุน และการขาดแคลนวัตถุดิบ ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอความได้เปรียบของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในอาเซียน ซึ่งมีความพร้อมด้านระบบโลจิสติกส์ แรงงานฝีมือ และต้นทุนการแข่งขัน โดยมีงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ งานแสดงสินค้า EICMA 2025 งานแสดงมอเตอร์ไซค์และอุปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้า Rho Fiera เมืองมิลาน และงานแสดงสินค้า Autopromec 2027 งานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์และอะไหล่รถ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคม 2570 ณ ศูนย์แสดงสินค้า Fiera di Bologna เมืองโบโลญญา เพื่อสร้างโอกาสในการขยายฐานตลาดในอิตาลี/ยุโรป
3. แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ในอิตาลียังโตช้า แต่เริ่มมีการขยายตัวของการผลิตรถยนต์ BEV และ PHEV ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยที่ผลิตชิ้นส่วนเกี่ยวกับ EV เช่น ระบบแบตเตอรี่ ระบบส่งกำลัง หรือซอฟต์แวร์ควบคุม สามารถเริ่มสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้ประกอบการในอิตาลีและยุโรปเพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดในอนาคต
ที่มา: 1. I numeri impietosi del mercato italiano dell’auto. E potrebbe andare peggio – Today
2. IMMATRICOLAZIONI AUTO IN ITALIA: MAGGIO -0,16%, GENNAIO-MAGGIO -0,54% – Centro Studi Promotor
3. Industria automotive italiana, Anfia: ad aprile indice produzione -17,6% – La Repubblica
4. Cos’è la Smart Mobility, come funziona e a che punto siamo – Osservatori.net
5. เครดิตภาพประกอบ Photo by Lenny Kuhne on Unsplash

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
18 มิถุนายน 2568

thThai