นายโคอิซุมิ ชินจิโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น (MAFF) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ว่าเริ่มการประมูลข้าว SBS รอบแรกของปีนี้ ภายในเดือนมิถุนายน 2568 เร็วกว่าทุกปีที่เริ่มประมูลในเดือนกันยายน ซึ่งข้าว SBS เป็นข้าวที่นำเข้าภายใต้ระบบ Minimum Access (MA) โดยไม่มีภาษีศุลกากร การประมูลข้าว SBS จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2568จากปกติที่เริ่มในเดือนกันยายนให้เริ่มในเดือนมิถุนายน โดยการประมูลครั้งแรกจะมีปริมาณ 30,000 ตัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดหาข้าวเข้าสู่ตลาดอย่างเร่งด่วนและช่วยควบคุมราคาให้ไม่สูงขึ้น โดยได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง การประกาศครั้งแรกจะมีขึ้นในวันที่ 13 และจะมีการประมูลในวันที่ 27 มิถุนายน 2568 โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งเร็วกว่าปกติประมาณ 3 เดือน และจะเริ่มการประมูลอย่างต่อเนื่องหลังจากเดือนกรกฎาคม 2568 นายโคอิซุมิกล่าวว่า “การออกนโยบายนี้เป็นการสนับสนุนทางการตลาดในญี่ปุ่นว่า ‘เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อควบคุมราคา'” ซึ่งจะตอบสนองความต้องการในด้านการรับประทานอาหารนอกบ้าน อาหารสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ข้าวต่าง ๆ
ญี่ปุ่นนำเข้าข้าว MA จำนวน 770,000 ตัน โดยไม่มีภาษีศุลกากร ซึ่งในจำนวนนี้สูงสุด 100,000 ตันเป็นข้าวสำหรับบริโภคหลัก โดยนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและไทย และใช้วิธีการประมูลแบบขายพร้อมกัน (SBS) ที่ผู้ค้าส่งและผู้ใช้ในประเทศเข้าร่วมประมูลเป็นคู่กัน ความต้องการข้าวนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น ทำให้ในปีงบประมาณ 2567 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่มีการประมูลข้าวสำหรับบริโภคหลักทั้งหมด

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
นับตั้งแต่กลางปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ปัญหาความต้องการและอุปทานข้าวในญี่ปุ่นยังคงอยู่ในขั้นวิกฤติ ราคาต้นทุนพุ่งสูงขึ้น การผลิตติดขัด และราคาข้าวสำหรับบริโภคหลักเพิ่มขึ้นการประมูลข้าว SBS จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2568เกือบสองเท่าในระยะเวลาเพียงปีเดียว ในช่วงปลายปี 2567 การประมูล SBS เพื่อจัดหาข้าวญี่ปุ่นจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จนทำให้ข้าวไทยขาดตลาดในญี่ปุ่นในช่วงระยะหนึ่ง โควตานำเข้าข้าว SBS ในระยะเวลาหนึ่งปีถูกกำหนดไว้ที่ 100,000 ตัน และยังไม่มีแผนนโยบายที่จะเพิ่มปริมาณ ในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการประมูลข้าว 30,000 ตัน ในสถานการณ์นี้ ผู้นำเข้าข้าวไทยก็จะเข้าร่วมการประมูลอย่างกระตือรือร้นตั้งแต่เนิ่น ๆ และหวังที่จะนำเข้าข้าวไทยสำหรับปีงบประมาณ 2568 อย่างมีแบบแผน ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกข้าวไทยจะเริ่มได้รับข้อเสนอจากบริษัทนำเข้าต่าง ๆ
การเลื่อนการประมูลให้เร็วขึ้นในครั้งนี้มีผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ผลกระทบเชิงบวกคือเกษตรกรสามารถขายได้เร็วขึ้นและทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในเชิงลบคือ เกษตรกรและผู้ส่งออกข้าวต้องจัดหาปริมาณและการเตรียมการขนส่งทั้งหมดให้เร็วขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงแผนประจำปีเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติตามสัญญาส่งมอบสินค้า นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะส่งผลต่อโอกาสในการส่งออกข้าวไทยอีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์ Nikkei Shimbun ฉบับวันที่ 13 มิถุนายน 2568
ภาพประกอบข่าวจากเว็บไซต์ Google.com

thThai