เนื้อหาสาระข่าว: บรรดาผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้บริโภคทั่วไปในสหรัฐฯกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากังวลเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่สินค้าสารทำความเย็น (Refrigerant) อาจขาดตลาด หรือไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในเร็ว ๆ นี้ อันเป็นผลมาจากสถานการณ์การนำเข้าที่ยังคงมีความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายกำแพงภาษี ส่งผลกระทบไปถึงการนำเข้าสินค้าที่ไม่ตรงเวลา หรือใข้ระยะเวลารอรับสินค้านานขึ้น ซึ่งแม้ว่าโดยปกติแล้วก่อนหน้านี้สินค้าสารทำความเย็นถือเป็นสินค้าที่หาได้ทั่วไปและไม่เคยต้องประสบกับสภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างนี้ แต่เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบสำคัญเกี่ยวกับประเภทสารทำความเย็นที่สามารถใช้ได้ในสหรัฐฯ จึงเป็นที่มาของสภาวะที่เผชิญอยู่

 

โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นมา สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (U.S. Environmental Protection Agency: EPA) ได้ออกกฎระเบียบในการควบคุมมาตรฐานของสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้มาจากการผลิตหรือการนำเข้ามาก็ดี ไม่ให้มีค่าของส่วนประกอบหรือสารที่อาจทำให้เกิดค่าศักยภาพในการทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential: GWP) มากกว่า 700 ขึ้นไป (ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงสินค้าสารทำความเย็นบางประเภทด้วย) อันเป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติ American Innovation and Manufacturing (AIM Act) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการควบคุมและยับยั้งกระกวบการผลิตหรือบริโภคอันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อน ได้ให้อำนาจสำนักงาน EPA ออกระเบียบดังกล่าวไว้

 

สำหรับรายละเอียดของระเบียบข้างต้นเฉพาะที่เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบโดยตรงกับสินค้าสารทำความเย็น ในระเบียบได้ระบุถึงสารทำความเย็นประเภท R-410A ซึ่งเข้าข่ายเป็นสารที่อาจทำให้เกิดค่าศักยภาพในการทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนมากกว่า 700 ขึ้นไปด้วย นั่นทำให้สารทำความเย็นประเภท R-410A ซึ่งเป็นประเภทที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วสหรัฐฯ ต้องถือว่าเป็นสารทำความเย็นที่ไม่สามารถใช้เพื่อการบริโภคในสหรัฐฯได้อีกต่อไป ทั้งนี้ สารทำความเย็นที่สามารถใช้ทดแทนกันได้และอยู่ในขอบเขตมาตรฐานที่ระเบียบนี้กำหนด ได้แก่สารทำความเย็นประเภท R-32 และ R-454B เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สารทำความเย็นทั้งสองนั้นสหรัฐฯผลิตได้ในปริมาณค่อนข้างจำกัด ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน) เป็นหลัก

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นกระทันหันฉับพลันมากเกินไปนัก แต่เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่มีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการค้าของทางการสหรัฐฯ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนและจากต่างประเทศมายังสหรัฐฯ ประกอบกับในช่วงที่มีประกาศกฎระเบียบดังกล่าวนั้นผลกระทบต่อความต้องการสินค้าสารทำความเย็นนั้นยังไม่ปรากฎชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ทว่าผลกระทบดังกล่าวเริ่มจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วงกลางปีเนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนในอีกไม่นานนี้ ซึ่งเป็นที่มาของความสุ่มเสี่ยงในการเข้าสู่สภาวะขาดแคลนสินค้าสารทำความเย็นในขณะนี้

 

จากสถานการณ์ในข้างต้น ทำให้ในขณะนี้ราคาสินค้าสารทำความเย็นประเภท R-454B จากการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นถึง 400% โดยราคาสารทำความเย็นดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ/ปอนด์ จาก 17 เหรียญสหรัฐฯ/ปอนด์ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงสำหรับผู้ประกอบการและผู้ให้บริการเกี่ยวกับสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ และเกิดการปรับตัวของราคาระบบภายในเครื่องปรับอากาศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 เหรียญสหรัฐฯสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ทำให้ในภาพรวมขณะนี้ชาวอเมริกันมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสารทำความเย็นและระบบเครื่องปรับอากาศสูงขึ้น 650% จากปีที่แล้ว

สินค้าสารทำความเย็นกำลังขาดแคลนในสหรัฐฯ

แผนภาพที่ 1: แสดงข้อมูลสถิติมูลค่า (USD) และปริมาณ (กิโลกรัม) การนำเข้าสินค้าสารทำความเย็นประเภท R-410A (HS Code: 38276300) มายังสหรัฐฯจากทุกแหล่งที่มา และ 3 ประเทศผู้ส่งออกตามลำดับ ในปี 2024

สินค้าสารทำความเย็นกำลังขาดแคลนในสหรัฐฯ

แผนภาพที่ 2: แสดงข้อมูลสถิติมูลค่า (USD) และปริมาณ (กิโลกรัม) การนำเข้าสินค้าสารทำความเย็นประเภท R-32 (HS Code: 29034200) มายังสหรัฐฯจากทุกแหล่งที่มา และ 3 ประเทศผู้ส่งออกตามลำดับ ในปี 2024

สินค้าสารทำความเย็นกำลังขาดแคลนในสหรัฐฯ

แผนภาพที่ 3: แสดงข้อมูลสถิติมูลค่า (USD) และปริมาณ (กิโลกรัม) การนำเข้าสินค้าสารทำความเย็นประเภท R-454B (HS Code: 38276800) มายังสหรัฐฯจากทุกแหล่งที่มา และ 3 ประเทศผู้ส่งออกตามลำดับ ในปี 2024

บทวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ: สคต.ไมอามีได้ทำการสืบค้นข้อมูลการนำเข้าสินค้าสารทำความเย็นทั้ง 3 ประเภทที่ปรากฎในเนื้อหา ได้แก่ R-410A, R-32 และ R-454B เพื่อประกอบการพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลการนำเข้าสินค้าดังกล่าวมายังสหรัฐฯ โดยในภาพรวมพบว่าสารทำความเย็นประเภท R-410A เป็นสารทำความเย็นที่มีมูลค่าและปริมาณการนำเข้ามากที่สุด ในขณะที่สารทำความเย็นประเภท R-32 มีปริมาณการนำเข้าที่มากกว่า สารทำความเย็นประเภท R-454B ประมาณ 1.5 ล้านกิโลกรัม แต่มูลค่าการนำเข้าของสารทำความเย็นประเภท R-454B กลับสูงกว่าประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีประเทศจีนเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของสารทำความเย็นทั้ง 3 ประเภท

 

ผู้ประกอบการส่งออกเครื่องปรับอากาศและทำความเย็นที่ต้องการส่งออกมายังสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับกฎระเบียบข้อบังคับใช้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสารทำความเย็น ประเภทของสารทำความเย็นที่อนุญาตให้ใช้ และราคาสารทำความเย็นในตลาดโลก (เนื่องจากไทยไม่สามารถผลิตได้เองเช่นกัน) ความต้องการเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากหลายๆประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ และประเทศในแคริบเบียนประสบกับปัญหาภาวะโลกร้อน ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จำนวนยูนิตที่พักอาศัยและบ้านพักที่สร้างขึ้นใหม่ รวมถึงจำนวนที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงต่อเติมบางส่วนต้องการระบบทำความเย็นใหม่เพื่อความเหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

ที่มา: The Air Conditioning, Heating and Refrigeration News
เรื่อง: “The U.S. Air Conditioning Industry Crisis : A $25 Billion Problem”
โดย: Jorge Alvarez
สคต. ไมอามี /วันที่ 21 พฤษภาคม 2568
thThai