รถยนต์ที่มีอุปกรณ์พิเศษและความโดดเด่นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจรถยนต์ของ Mercedes-Benz มาเป็นเวลาหลายปี โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ ต้องการใช้คุณลักษณะพิเศษตรงนี้ กับการผลิตรถในไลน์รถตู้ขนาดเล็กส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Mercedes ได้ออกมาประกาศที่จะขยายธุรกิจรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง (หรือ รถ MPV : Multi Purpose Van) ที่โฟกัส “ระดับท็อป” มากขึ้น โดยเรียกได้ว่ารถ MPV ของ Mercedes จะเป็นรถรุ่นที่แพงที่สุดและทำกำไรได้มากที่สุดด้วย โดยที่ผ่านมาก MPV ส่วนใหญ่มักเป็นรถเก๋งและ SUV ระดับหรู เช่น S – Class, EQS หรือ GLS ซึ่งมีคำว่า “Super” หรือ “Special” อยู่ในชื่อรถ นอกจากนี้ตัวอักษร “S” ยังแสดงถึง รถชั้นสูงสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์และจะใช้ประดับบนรถมินิบัสเป็นครั้งแรกในอนาคตอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างอย่างยิ่งรถรุ่น V-Class ซึ่งเป็นรถรุ่นที่หรูหราที่สุดจะกลายเป็น VLS คล้ายกับ S-Class ของรถตู้ สำหรับรุ่นที่ราคาถูกกว่าเล็กน้อย รถรุ่นนี้จะถูกเรียกว่า VLE ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่ง Mercedes รับประกันอย่างน้อยว่า VLE จะมีระดับคุณภาพใกล้เคียงกับรถเก๋งธุรกิจ E-Class โดยบริษัท Mercedes เองก็เรียกรถตู้หรูหรารุ่นใหม่ของตนว่า “Grand Limousines”
โดยบริษัท Mercedes ให้ข้อมูลเชิงลึกครั้งแรกถึงทิศทางของ Mercedes ในด้านรถตู้ ณ งานแสดงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ โดยรถโมเดล “Vision V” นั้น บริษัทฯ ให้คำมั่นสัญญาว่า จะ “กลายเป็นโมเดลมาตรฐานของประสบการณ์ด้านดิจิทัล” อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะก่อนที่รุ่นการผลิตรถโมเดล “Vision V” จะออกสู่ท้องตลาด และภายในกลางปี 2026 เป็นอย่างเร็วที่สุดที่ Mercedes-Benz Vans น่าจะสามารถผลิตรถตู้ขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์ และ MPV ระดับหรูสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลได้ MPV จะมี 2 แบบ กล่าวคือ (1) แบบเครื่องยนต์สันดาป และ (2) แบบรถไฟฟ้า โดยใช้สถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้า VAN.EA (Mercedes-Benz Van Electric Architecture) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สันดาป VAN.CA (Van Combustion Architectur) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แผนกรถตู้ของ Mercedes ได้เปลี่ยนแปลงจากแผนกที่ขาดทุนมาเป็นแผนกที่ทำกำไร โดยในปี 2024 ผลตอบแทนจากการขายของแผนกฯ อยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับแผนกรถยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่มีผลตอบแทนจากการขายประมาณ 8% เท่านั้น อย่างไรก็ดี Mercedes ก็ยังคงประสบปัญหาในแผนกรถตู้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อาทิ ยอดขายที่เริ่มหดตัว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัย และพัฒนากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพื่อให้แผนกฯ เติบโตอย่างมีกำไร Mercedes ตั้งใจที่จะให้เอาใจกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลในจีน และสหรัฐฯ ให้มากขึ้น ด้วยรถตู้รุ่นใหม่ นอกเหนือไปจากงานช่างฝีมือ และบริการจัดส่งที่ดีมีประสิทธิภาพแล้ว โดยในจีนพื้นที่ภายในรถที่กว้างขวางกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ของลูกค้าส่วนบุคคล ซึ่งเหล่านักยุทธศาสตร์ของ Mercedes เชื่อว่า ด้วยการเพิ่มขึ้นของระบบขับขี่อัตโนมัติในยานยนต์ รถตู้หรูหราอาจกลายเป็นอีหนึ่งสัญลักษณ์แสดงฐานะ (Status Symbol) รูปแบบใหม่ต่อไป
จาก Handelsblatt 12 พฤษภาคม 2568