เนื้อข่าว

ในการประชุมของคณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (The National Assembly Standing Committee: NASC) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 รัฐบาลเวียดนามได้เสนอแนวทางยกเว้นและลดค่าเช่าที่ดินสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดิจิทัลหลัก เช่น ซอฟต์แวร์ เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเขตเทคโนโลยีดิจิทัลแบบรวมศูนย์ (Concentrated digital technology zones) และศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ (The National Innovation Centres) เพื่อเร่งผลักดันอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ

นาย Nguyen Van Thang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนาม เปิดเผยว่า แนวทางดังกล่าวอยู่ในกรอบนโยบายทั้งหมด 13 กลุ่ม ซึ่งครอบคลุมการยกเว้นและลดค่าธรรมเนียมการใช้ที่ดินและค่าเช่าที่ดิน โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในระยะยาว ซึ่งหนึ่งในมาตรการสำคัญที่เสนอ คือการยกเว้นค่าเช่าที่ดินให้กับหน่วยงานวิจัย ศูนย์นวัตกรรม และสถาบันวิจัยของภาคเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงส่งสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของเวียดนามให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะระบุสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อจูงใจการลงทุนและการผลิตในภาคนี้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำว่า การขยายขอบเขตของการยกเว้นและลดค่าเช่าที่ดินจะช่วยลดภาระต้นทุน ทำให้ธุรกิจสามารถขยายกำลังการผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในระดับประเทศ

นอกจากมาตรการเฉพาะกลุ่มเป้าหมายแล้ว รัฐบาลยังเสนอให้ลดค่าเช่าที่ดินทั่วไปในปี 2568 ลงร้อยละ 30 โดยมีขอบเขตการบังคับใช้ที่กว้างกว่าปี 2567 เพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและประชาชนในวงกว้าง พร้อมตั้งเป้าให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้ถึงร้อยละ 8 ภายในปี 2568

ภายหลังจากการพิจารณา คณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบในหลักการ อนุญาตให้รัฐบาลออกกฤษฎีกาเพื่อกำหนดกรณีเพิ่มเติมที่สามารถใช้มาตรการยกเว้นและลดค่าเช่าที่ดินได้ในปี 2567 และเตรียมขยายขอบเขตให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในปี 2568

อย่างไรก็ตาม นาย Vu Hong Thanh รองประธานรัฐสภา (Deputy Chairman of the National Assembly) ได้เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลในการจัดทำข้อมูลและตัวเลขที่ถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งต้องบริหารจัดการนโยบายดังกล่าวโดยไม่ให้เกินกรอบการขาดดุลงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติไว้

ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายยกเว้นและลดค่าเช่าที่ดินที่รัฐบาลนำเสนอ ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาภาระให้กับธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจเวียดนามในอนาคต

(แหล่งที่มา https://vietnamnews.vn/ ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2568)

วิเคราะห์ผลกระทบ

รัฐบาลเวียดนามได้กำหนดยุทธศาสตร์ระดับชาติที่มุ่งเน้นการส่งเสริมภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับขีดความสามารถในการผลิตสมัยใหม่ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และผลิตภาพของภาคเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามได้จัดสรรงบประมาณประจำปีสำหรับภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน การวิจัยและพัฒนา และความต้องการทางเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกภาคส่วน

ในส่วนของนโยบายเชิงรุก รัฐบาลได้เร่งผลักดันการจัดทำ ร่างกฎหมายว่าด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง โดยกฎหมายฉบับนี้จะกำหนดกรอบนโยบายและมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ อย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่สิทธิประโยชน์ด้านภาษี การสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนา การอำนวยความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการยกเว้นหรือลดค่าเช่าที่ดินให้แก่โครงการที่เข้าเกณฑ์

หนึ่งในมาตรการสำคัญภายใต้ร่างกฎหมายนี้ คือ นโยบายยกเว้นหรือลดค่าเช่าที่ดิน สำหรับธุรกิจและโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เช่น ซอฟต์แวร์ เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ อุปกรณ์อัจฉริยะ และศูนย์นวัตกรรมต่าง ๆ ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนให้แก่ภาคเอกชน เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมได้มากขึ้น เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และเร่งการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจเวียดนามเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากการสร้างแรงจูงใจในการลงทุนแล้ว นโยบายลดค่าเช่าที่ดินยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่กำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การแข่งขันด้านต้นทุนในระดับภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น เวียดนามจึงใช้มาตรการเชิงรุกนี้ในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการลงทุนทั้งจากภายในและต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการระดมทุนของธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวในระยะยาว

หากนโยบายนี้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวียดนามมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นเป็น ฐานการผลิตเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ากลยุทธ์ เช่น ชิป AI ชิปมือถือ อุปกรณ์อัจฉริยะและซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาศูนย์กลางการผลิตเดิมอย่างจีนและเกาหลีใต้ กระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานโลก และสร้างสมดุลใหม่ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ทางเศรษฐกิจ

ด้วยข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า เสถียรภาพทางการเมือง และสิทธิพิเศษทางภาษีที่เอื้ออำนวย เวียดนามจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการย้ายฐานการผลิตออกจากพื้นที่เสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์

นำเสนอโอกาส/แนวทาง

การที่รัฐบาลเวียดนามเสนอร่างนโยบายลดและยกเว้นค่าเช่าที่ดินเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล นโยบายนี้ไม่เพียงดึงดูดนักลงทุนภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในอาเซียน รวมถึงไทย ซึ่งสามารถใช้เวียดนามเป็นฐานขยายธุรกิจเทคโนโลยีในหลากหลายสาขา เช่น ซอฟต์แวร์ Cloud บิ๊กดาต้า ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยต้นทุนที่ลดลงและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ
การเติบโต โอกาสในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคจึงมีมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเวียดนามจัดตั้งเขตเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร ที่มีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิทธิประโยชน์ทางภาษี ระบบโลจิสติกส์ และแรงงานทักษะสูง ส่งเสริมให้ไทยสามารถเข้าไปจัดตั้งศูนย์ R&D หรือสร้างพันธมิตรด้านนวัตกรรมกับทั้งเวียดนามและประเทศที่สามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะเดียวกัน การเดินหน้านโยบายเชิงรุกของเวียดนามถือเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาค ผู้ประกอบการไทยจึงควรตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเทศหรือในภูมิภาค การลงทุนในทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะเฉพาะทาง เช่น AI, Cloud, IoT และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการมองหาโอกาสในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจระดับสากล เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายตลาดทั้งในอาเซียนและระดับโลก

thThai