เนื้อข่าว
หน่วยงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (Trade Remedies Authority of Vietnam: TRAV) กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 หน่วยบริการชายแดนแคนาดา (Canada Border Services Agency: CBSA) ได้ประกาศเริ่มต้นการไต่สวนกรณีการทุ่มตลาด (Anti-dumping investigation) ต่อผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กกล้าคาร์บอน (Certain carbon) และลวดเหล็กกล้าอัลลอยด์ (Alloy steel wire) บางประเภทที่นำเข้าจากหลายประเทศ รวมถึงเวียดนาม
ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในข่ายการไต่สวนส่วนใหญ่อยู่ในพิกัดศุลกากร 7217.10 ลวดเหล็กที่ไม่ได้เคลือบหรือชุบ (Non-coated or non-plated steel wire) 7217.20 ลวดเหล็กเคลือบหรือชุบด้วยสังกะสี (Zinc-coated or plated steel wire) 7217.30 ลวดเหล็กเคลือบหรือชุบด้วยโลหะพื้นฐานอื่น (Steel wire coated or plated with other base metals) 7217.90 ลวดเหล็กอื่น ๆ (Other steel wire) 7229.20 ลวดเหล็กอัลลอยชนิดสเตนเลส (Stainless alloy steel wire) และ 7229.90 ลวดเหล็กอัลลอยอื่น ๆ (Other alloy steel wire) โดย CBSA ได้กำหนดให้กรณีดังกล่าวอยู่ภายใต้หมายเลข SW 2025 IN และมีผู้ร้องเรียนคือบริษัท Sivaco Wire Group 2004, L.P. และบริษัท ArcelorMittal Long Products Canada G.P. ซึ่งได้ยื่นคำร้องต่อ CBSA เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ภายหลังจากที่ได้ใช้ระยะเวลาในการเริ่มไต่สวนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
CBSA คาดว่าจะเผยแพร่เอกสารชี้แจงเหตุผลของการไต่สวนภายใน 15 วันหลังจากเริ่มต้นกระบวนการ หรือภายในประมาณวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ ขณะเดียวกันการพิจารณาเบื้องต้นอาจเกิดขึ้นภายใน 90 วัน หรือราววันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ซึ่งในช่วงดังกล่าวอาจมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดแบบชั่วคราว (Provisional anti-dumping duties)
ในอีกด้านหนึ่ง คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา (Canadian International Trade Tribunal: CITT) จะดำเนินการไต่สวนควบคู่ในประเด็นของผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ และคาดว่าจะประกาศผลการพิจารณาเบื้องต้นภายใน 60 วัน หรือประมาณวันที่ 2 มิถุนายน 2568 หาก CITT เห็นว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น การไต่สวนจะถูกยุติลงโดยอัตโนมัติ
หน่วยงาน TRAV ได้แนะนำให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกเวียดนามที่เกี่ยวข้อง ติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ศึกษากฎระเบียบและขั้นตอนการตอบโต้การทุ่มตลาดของแคนาดาให้รอบด้าน และเตรียมกลยุทธ์รับมืออย่างเหมาะสม โดยเน้นย้ำว่าการให้ข้อมูลครบถ้วนและการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยบริการชายแดนแคนาดา เป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงสุด พร้อมกันนี้ยังแนะนำให้ภาคธุรกิจรายงานข้อมูลแก่หน่วยงาน TRAV อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนอย่างทันเหตุการณ์
ภายใต้กระบวนการสอบสวนดังกล่าว CBSA ได้ส่งแบบสอบถามข้อมูล (Request for Information: RFI) ไปยังผู้ส่งออกเวียดนามบางรายซึ่งถูกระบุว่าอาจเป็นผู้ผลิตหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในการไต่สวน โดยแบบสอบถามนี้ต้องการข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับยอดขาย ต้นทุน และโครงสร้างราคาของสินค้าที่ส่งออกไปยังแคนาดาในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567
นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับยอดขายในประเทศและต้นทุนที่เกี่ยวข้องของสินค้าที่คล้ายกันในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเรียกว่าช่วงวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร (Profitability Analysis Period: PAP) เพื่อใช้ในการประเมินราคาปกติ (Normal value) ของสินค้า ทั้งนี้ กำหนดส่งแบบสอบถาม (RFI) กลับไปยัง CBSA คือภายในเวลา 17.00 น. ตามเขตเวลาภาคตะวันออกของแคนาดา (Eastern Time) ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2568
(แหล่งที่มา https://vietnamnews.vn/ ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2568)
วิเคราะห์ผลกระทบ
หน่วยบริการชายแดนแคนาดา (CBSA) ได้ประกาศเริ่มการไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กกล้าคาร์บอนและลวดเหล็กกล้าอัลลอยบางประเภทที่มีถิ่นกำเนิดจากหรือส่งออกจากหลายประเทศ รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตศุลกากรแยกต่างหากของไต้หวัน เฟิงหู คินเหมิน และมัตซู (The Separate Customs Territory of Taiwan, Penghu, Kinmen and Matsu) อินเดีย อิตาลี มาเลเซียโปรตุเกส สเปน ไทย ตุรกี และเวียดนาม กำลังถูกขายในราคาที่ไม่เป็นธรรมในแคนาดาหรือไม่ ซึ่งการทุ่มตลาดสินค้าลงในแคนาดาอาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมในแคนาดา ด้วยการกดราคาสินค้าของแคนาดาลง ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม
การไต่สวนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการยื่นคำร้องจากบริษัท Sivaco Wire Group 2004, L.P. และบริษัท ArcelorMittal Long Products Canada G.P. ซึ่งอ้างว่า การเพิ่มขึ้นของปริมาณสินค้าที่ทุ่มตลาดส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขาในหลายด้าน ทั้งการลดลงของราคาสินค้า การกดราคาลง การสูญเสียยอดขายและส่วนแบ่งตลาด การลดลงของรายได้สุทธิและความสามารถในการทำกำไร การใช้กำลังการผลิตลดลง รวมถึงความยากลำบากในการระดมทุนสำหรับการลงทุนและการลดลงของการจ้างงาน
ทั้ง CBSA และคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา (CITT) จะร่วมกันดำเนินการไต่สวน โดย CITT จะเริ่มการไต่สวนเบื้องต้นเพื่อพิจารณาว่าสินค้านำเข้าดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ผลิตในแคนาดาหรือไม่ และจะออกคำตัดสินภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ในขณะที่ CBSA จะตรวจสอบการขายสินค้านี้ในราคาที่ไม่เป็นธรรมในแคนาดา และจะออกคำตัดสินเบื้องต้นภายในวันที่ 21 กรกฎาคม 2568
ในปัจจุบัน แคนาดามีการบังคับใช้มาตรการการนำเข้าสินค้าพิเศษ 158 มาตรการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภค ซึ่งมาตรการเหล่านี้ได้ช่วยปกป้องการจ้างงานในแคนาดาได้ประมาณ 31,000 ตำแหน่ง และช่วยรักษามูลค่าการผลิตในแคนาดาไว้ที่ 11,600 ล้านเหรียญสหรัฐ การนำเข้าสินค้าดังกล่าวภายใต้การสอบสวนครั้งนี้ จึงมีความสำคัญทั้งในแง่ของการคุ้มครองภาคการผลิตภายในประเทศและการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของแคนาดา
จากข้อมูลของ Trademap พบว่า มูลค่าการส่งออกของเวียดนามในช่วงปี 2564–2566 อยู่ที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ, 543,000 เหรียญสหรัฐ และ 860,000 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดของลวดเหล็กคาร์บอนและอัลลอยด์จากเวียดนามในตลาดแคนาดาจะยังไม่โดดเด่น แต่สินค้าดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งอาจหมายถึงการขยายตัวของการส่งออกลวดเหล็กในอนาคตในตลาดแคนาดา ขณะที่การขยายตัวของตลาดนี้อาจนำไปสู่ความท้าทายที่มากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
แม้ว่าการไต่สวนจะยังไม่ส่งผลโดยตรงว่าเวียดนามและไทยมีการทุ่มตลาดจริง แต่การถูกตั้งข้อกล่าวหาก็สามารถส่งผลกระทบทั้งในเชิงภาพลักษณ์ การค้า และความมั่นใจของคู่ค้าในตลาดแคนาดาซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ซื้อในแคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการตัดสินให้เรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Duty) ในระหว่างกระบวนการไต่สวน
การถูกตั้งข้อหาทุ่มตลาดและการไต่สวนอาจส่งผลกระทบในระยะสั้นต่อธุรกิจ โดยอาจทำให้ผู้ผลิตในเวียดนามและไทยต้องเผชิญกับการลดลงของยอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าในแคนาดา หรือการโยกย้ายคำสั่งซื้อไปยังประเทศที่ไม่ได้อยู่ในข่ายการไต่สวน ทำให้การส่งออกของประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ การไต่สวนนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ประกอบการในเวียดนามและไทยต้องปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มการค้าโลกที่มีการเข้มงวดด้านกฎระเบียบและการตรวจสอบที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเหล่านี้คือต้องมีการติดตามสถานการณ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
นำเสนอโอกาส/แนวทาง
การไต่สวนการทุ่มตลาดที่หน่วยบริการชายแดนแคนาดา (CBSA) เปิดการไต่สวนเกี่ยวกับลวดเหล็กคาร์บอนและอัลลอยด์ที่นำเข้าจากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากหากมีการตั้งข้อกล่าวหาว่าทุ่มตลาดและผลการไต่สวนมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Duty) อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายในตลาดแคนาดา และในบางกรณีอาจทำให้ผู้ซื้อในแคนาดากังวลเกี่ยวกับการทำธุรกิจต่อไป การปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการค้าและแสดงข้อมูลต้นทุนและราคาขายอย่างโปร่งใสจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันการถูกเก็บภาษี หรืออย่างน้อยช่วยให้ภาษีที่ถูกเรียกเก็บมีอัตราที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น จีน หรืออินเดีย ที่มีประวัติการถูกตั้งกำแพงภาษีในหลายประเทศ การเสริมจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้า การส่งมอบตรงเวลา และการบริการหลังการขายก็จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากคู่ค้าในแคนาดา การมีความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดีสามารถทำให้ผู้ประกอบการรักษาความสัมพันธ์ในตลาดนี้ได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอรับคำแนะนำทางกฎหมายและแนวทางการต่อสู้ทางคดีที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานเหล่านี้ยังสามารถช่วยให้ได้ข้อมูลที่อัปเดตเกี่ยวกับกระบวนการไต่สวนและขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การทบทวนกลยุทธ์การกระจายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ที่มีความต้องการสินค้าโลหะหรือวัสดุก่อสร้างสูง เช่น ตลาดในยุโรปและอาเซียน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดแคนาดาเพียงแห่งเดียว และเสริมสร้างความมั่นคงในธุรกิจระยะยาว การเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน