ประเทศจีนเป็นประเทศที่นำเข้าทุเรียนมากที่สุดของโลก ปัจจุบันจีนอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปินส์ มาเลเซียและกัมพูชา เมื่อปี 2567 จีนนำเข้าทุเรียนจากประเทศดังกล่าวทั้งหมดมีปริมาณ 1.56 ล้านตัน มูลค่า 49,736 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และร้อยละ 5 ตามลำดับ หลายปีที่ผ่านมาด้วยตลาดทุเรียนมีศักยภาพและโอกาสอย่างมหาศาล ทำให้จีนมีการปลูกทุเรียนในภูมิภาคแถบร้อนที่บริเวณภาคใต้ของจีน ในมณฑลไหหลำ ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา มณฑลไหหลำได้เริ่มปลูกทุเรียน ซึ่งได้ประสบความสำเร็จในการออกผลในปี 2566 และทำให้มีผลผลิตทุเรียนมีการจำหน่ายในตลาดติดต่อมา 2 ปี

ข้อมูลทั่วไปสำหรับการปลูกทุเรียนของมณฑลไหหลำ

  • ประวัติของทุเรียนไหหลำ    

การพัฒนาการปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำของจีน

ปี พ.ศ.2501 (ปี ค.ศ.1958) มณฑลไหหลำได้นำทุเรียน 1 ต้นจากประเทศมาเลเซียมาปลูกในอำเภอป่าวถิง (Baoting) เมืองซานย่า ซึ่งเป็นการปลูกทุเรียนครั้งแรกของมณฑล แต่ผ่านไป 65 ปี ทุกเรียนต้นนี้ออกผลเพียงแต่ 1 ลูก ทำให้ที่ผ่­านมาคิดว่­าสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของมณฑลไห­หลำไม่เหมาะกับการเพาะปลูกทุเรียน

ปี พ.ศ.2513 – 2523 (ปี ค.ศ.1970 – 1980) มณฑลไหหลำและมณฑลกวางตุ้งเริ่มทดลองปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีรายงานว่าประสบผลสำเร็จมีการออกผล

ช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่ 21 เมื่อมีการเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น ได้มีเกษตรกรจีนนำต้นทุเรียนมาจากประเทศเวียดนาม และประเทศไทยมาปลูกในพื้นที่ท้องถิ่น เช่น ต้นทุเรียนที่ปลูกในอำเภอป่าวถิง ที่มีอายุ 15 ปี โดยมีต้นที่ออกผลติดกัน 7 ปีเป็นจำนวนครึ่งหนึ่ง

เดือน ตุลาคม ปี พ.ศ.2557 บริษัท Hainan Huasheng Ecological Agriculture Development Company ได้นำต้นทุเรียนมาจากประเทศเวียดนามมาปลูกที่อำเภอป่าวถิง จำนวน 44 ต้น ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม 2559 – ธันวาคม 2561 อัตราการออกดอกมากกว่าร้อยละ 95 เริ่มออกผลใน   ปี พ.ศ.2562 ผลมากสุดต่อต้นอยู่ที่ 30 ลูก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการยืนยันว่ามณฑลไหหลำสามารถเพาะปลูกทุเรียนได้

เดือนมิถุนายน 2562 สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของมณฑลไหหลำ ได้เริ่มทดลองปลูกต้นทุเรียนในเมืองซานย่า อำเภอป่าวถิง อำเภอหลิงสุ่ย อำเภอเล่อตง และได้ประสบความสำเร็จอย่างเบื้องต้นในการจัดการการเพาะปลูกด้วยตนเอง และสามารถควบคุมวิธีออกดอกของต้นทุเรียน

  • เริ่มมีผลผลิต

เดือนมีนาคม 2565 ทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่ดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ประมาณ 30,000 หมู่ (ประมาณ 12,500 ไร่) ประสบความสำเร็จออกดอกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีรายงานผลผลิตและการจำหน่ายในตลาดที่เกี่ยวข้อง

เดือนกรกฎาคม 2566 ทุเรียนที่ปลูกในสวน Durian base of Sanya Yucai Ecological Zone ที่เมืองซานย่า ขนาดพื้นที่ประมาณ 1,400 หมู่ (ประมาณ 588 ไร่) ประสบผลสำเร็จและได้ผลผลิตปริมาณ 50 ตัน ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 120 หยวนต่อกิโลกรัม

เดือนมิถุนายน 2567 ทุเรียนปีที่ปลูกในมณฑลไหหลำ มีขนาดพื้นที่ 4,000 หมู่ (ประมาณ 1,680 ไร่) ประสบผลสำเร็จและได้ผลผลิตปริมาณ 250 ตัน ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 120-160 หยวนต่อกิโลกรัม

คาดการณ์ว่า ปี 2568 ทุเรียนไหหลำ จะได้เก็บผลในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน พื้นที่ที่จะประสบผลสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 4,000 หมู่ (ประมาณ 1,680 ไร่) ปริมาณผลผลิตอยู่ที่ 600 ตัน

ปี พ.ศ.2568 เป็นที่ 3 ของทุเรียนไหหลำที่ได้ประสบผลสำเร็จ ด้วยอายุของต้นทุเรียนที่เพิ่มขึ้น และปริมาณผลผลิตที่จะปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว กล่าวคือ ในปีแรกออกผล 5 ลูกต่อต้น ปีที่สองจะออกผลมากกว่า 10 ลูกต่อต้น ปีที่สามจะออกผล 10 ลูกต่อต้น และใช้ระยะเวลา 6-7 ปี จะได้เข้าสู่ช่วงฤดูกาล ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถมีผลได้มากกว่า 50 ลูกต่อต้น

ปัจจุบัน พื้นที่ปลูกทุเรียนของมณฑลไหหลำ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 40,000 หมู่ (ประมาณ 16,800 ไร่) คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2573 พื้นที่เพราะปลูกจะขยายเป็นขนาดพื้นที่ประมาณ 100,000 หมู่ (ประมาณ 42,000 ไร่)

 

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาทุเรียนไหหลำ 

การพัฒนาการปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำของจีน

ระบบอุปกรณ์เกษตรอัจฉริยะ

เพื่อยกระดับผลผลิตและคุณภาพของทุเรียนไหหลำให้สูงขึ้น บริษัทที่เพาะปลูกทุเรียนได้พัฒนาระบบเกษตรอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบสภาพความชื้น คุณภาพดิน ระดับน้ำ ในพื้นที่เพาะปลูกแต่ละส่วนในรูปแบบเรียลไทม์ ผ่านระบบนี้ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผ่านการหมักจากโปรตีนสัตว์และพืชจากโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ จะถูกส่งไปยังต้นทุเรียนแต่ละต้นอย่างแม่นยำผ่านระบบชลประทานปุ๋ยน้ำ โดยแต่ละต้นจะมีเซ็นเซอร์ หากค่าต่ำกว่ามาตรฐาน คอมพิวเตอร์จะจ่ายปุ๋ยและน้ำให้อัตโนมัติ

– เครื่องคัดแยกทุเรียนอัจฉริยะแบบไม่ทำลายผล

เครื่องนี้สามารถสแกนทุเรียนทั้งลูกโดยไม่ต้องเปิดหรือปอกผล เพื่อดูจำนวนพู ระดับความสุก และสภาพเนื้อด้านในได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของทุเรียนแต่ละลูกได้อย่างแม่นยำ โดยความแม่นยำของการตรวจสอบในสายการผลิตนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 94

– การทดลองทุเรียนนอกฤดูติดผลสำเร็จ

การพัฒนาการปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำของจีน

นอกจากเพิ่มคุณภาพแล้ว การออกผลนอกฤดูยังเป็นวิธีสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของทุเรียนไหหลำ โดยปกติทุเรียนจะออกผลระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม แต่ปัจจุบันเป็นเดือนเมษายน ในพื้นที่สวน Durian base of Sanya Yucai Ecological Zone ของเมืองซานย่า มีต้นทุเรียนเริ่มออกตอกแล้ว โดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2566 ไหหลำก็เริ่มทดลองปลูกทุเรียนนอกฤดู โดยมีวัดถุประสงค์จะปลูกทะเรียนที่นอกฤดูได้โดยผ่านเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถบริโภคทุเรียนสุกจากต้นในฤดูหนาวได้ ในปี พ.ศ.2567 ไหหลำมีการวางแผนธุรกิจอย่างละเอียด โดยขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็นขนาดพื้นที่ 15 หมู่ (ประมาณ 6.3 ไร่) มีต้นทุเรียนกว่า 200 ต้น และปีนี้การทดลองทุเรียนนอกฤดูดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จ ทั้งรสชาติและสีสันออกมาได้ดี

ความสำเร็จของการปลูกทุเรียนนอกฤดูของจีน ไม่เพียงช่วยเลี่ยงช่วงฤดูกาลของการนำเข้าทุเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนและความผันผวนของราคาจากความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในการนำเข้า ซึ่งมีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ทั้งในแง่อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ

สาเหตุที่ทุเรียนจีนมีราคาสูง

– ต้นทุนการผลิตสูง

ค่าใช้จ่ายด้านที่ดินและแรงงานในจีนสูง รวมถึงต้องลงทุนมหาศาลในระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบชลประทาน ระบบให้ปุ๋ยและน้ำอัตโนมัติ และการลงทุนในด้านปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเหล่านี้ช่วยยกระดับคุณภาพทุเรียนจีนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านสีสัน เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอม

– ปริมาณผลผลิตยังน้อย

การปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ในจีนเพิ่งเริ่มต้นเพียง 5-6 ปี คาดว่าช่วงผลผลิตสูงสุดจะเริ่มหลังปี พ.ศ.2570 ดังนั้น ในปัจจุบันทุเรียนจีนอยู่ในช่วงที่ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ แม้ผลทุเรียนยังไม่โตก็ถูกจับจองล่วงหน้าหมดแล้ว ปริมาณผลผลิตในระยะแรกนี้ยังตอบสนองความต้องการของตลาดจีนได้เพียงบางส่วน โดยเน้นกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญด้านคุณภาพสูงเป็นหลัก

เปรียบเทียบกับทุเรียนนำเข้า

ทุเรียนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีต้นทุนที่ดินและแรงงานต่ำกว่า พร้อมด้วยสภาพอากาศที่เหมาะสมกว่า ทำให้ทุเรียนจีนไม่สามารถแข่งขันในด้านปริมาณผลผลิตและราคาได้ ด้วยเหตุนี้ ทุเรียนจีนจึงใช้กลยุทธ์ การแข่งขันในจุดที่แตกต่าง โดยเน้นจุดขายที่เป็นทุเรียน “สุกจากต้น” และเป็นทุเรียนคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มรายได้สูง

แม้ทุเรียนจีนจะมีความท้าทายด้านผลผลิตและราคาในปัจจุบัน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การขยายพื้นที่เพาะปลูก และความต้องการทุเรียนคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้น ทุเรียนจีนอาจก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดไฮเอนด์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมการปลูกและพื้นที่ อาจยังทำให้ทุเรียนไหหลำยังเป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือกเสริมในตลาด และไม่สามารถทดแทนทุเรียนนำเข้าในตลาดได้

ตลาดทุเรียนที่นำเข้าของจีนในปัจจุบัน

  • ตัวเลขนำเข้าทุเรียน

ประเทศจีนเป็นประเทศมีปริมาณการบริโภคทุเรียนที่มีจำนวนสูง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ปริมาณนำเข้าทุเรียนของจีน ได้สูงกว่าการนำเข้าเชอร์รี่จากประเทศชิลิ ซึ่งได้เคยครองอันด้บ 1 ของสินค้าผลไม้นำเข้ามาในตลาดจีน ทุเรียนเป็นผลไม้นำเข้าที่มีปริมาณมากที่สุดของจีน ปี พ.ศ.2567 ปริมาณนำเข้าทุเรียนของจีนอยู่ที่ 1,559,983 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 มูลค่านำเข้า 6,994 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และมีปริมาณการนำเข้าจากไทยอยู่ที่ 809,732 ตัน และ 736,526 ตันจากเวียดนาม

การพัฒนาการปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำของจีน

จากตัวเลขการนำเข้าแสดงให้เห็นว่า หลังจากประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ สามารถส่งออกทุเรียนสดเข้าสู่ประเทศจีน ตลาดทุเรียนของจีนมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งเสริมให้ปริมาณการนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะทุเรียนจากเวียดนาม

สำหรับทุเรียนของกัมพูชาได้รับอนุญาตนำเข้าทุเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เมษายน 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นข้อมูลแจ้งรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐานให้กับหน่วยงานศุลกากรแห่งชาติจีน ( GACC ) ทำให้ปัจจุบันยังไม่สามารถนำเข้าได้

ตารางเปรียบเทียบทุเรียนนำเข้าจาก 4 ประเทศ ในตลาดจีน

การพัฒนาการปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลำของจีน

ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นทำให้เกษตรกรของมณฑลไหหลำมีกระตือรือร้นในการปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรได้ให้ข้อเสนอแนะเป็นระยะว่าอุตสาหกรรมทุเรียนไหหลำมีแนวโน้มที่ดีในการพัฒนาสายพันธุ์การผลิตทุเรียนเพื่อให้ได้มาตรฐานอันเป็นผลจากความเหมาะสมทางด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิศาสตร์ เพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวจีน

ความเห็นของ สคต. ณ เมืองหนานหนิง สคต.ได้ทราบข้อมูลจากเกษตรกรทุเรียนไหหลำว่าถึงปี พ.ศ.2573 พื้นที่ปลูกทุเรียนของมณฑลไหหลำจะขยายเป็นขนาดพื้นที่ 100,000 หมู่ (ประมาณ 14,700 ไร่) ปริมาณผลผลิตจะอยู่ที่ 1 ตันต่อหมู่ ซึ่งเป็นประมาณการที่ตั้งไว้สูงสุด ปริมาณผลผลิตรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งเทียบกับปริมาณนำเข้าของปี พ.ศ.2568 แล้วมีสัดส่วนแค่ร้อยละ 3.2 ส่วนผลผลิตที่คาดว่าออกเดือนมิถุนายนของปี พ.ศ.2568 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 600 ตัน ยังคงเป็นปริมาณเพื่อนำมาทำประชาสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีผลเพียงพอเพื่อนำมาจำหน่ายในตลาด ซึ่งจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อทุเรียนไทยในระยะสั้นนี้ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าทุเรียนไหหลำยังไม่มีผลกระทบต่อทุเรียนไทย แต่อย่างไรก็ตามทุเรียนไหหลำที่สร้างจุดขายในด้าน“สุกบนต้น”และคุณภาพระดับพรีเมี่ยมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภคจีนในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูง ดังนั้น ผู้ประกอบการควรรักษาคุณภาพของทุเรียนไทย รวมถึงเสริมสร้างภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยที่ดี เพื่อให้ทุเรียนไทยยังคงอยู่ในความนิยมของผู้บริโภคจีนได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันทุเรียนไทยยังคงเป็นทุเรียนที่ชาวจีนนิยมมากที่สุด หากคงคุณภาพมาตรฐานของทุเรียนได้ จะทำให้ตลาดจีนยังคงเป็นตลาดใหญ่สำหรับการส่งออกสินค้าทุเรียนไทยในอนาคต

—————————————————–

แหล่งที่มา:

https://mp.weixin.qq.com/s/AhKRCsjOv6HoMLVzfoWNmA

https://mp.weixin.qq.com/s/EX2FrHWpaGcbD8oZkborJw

https://mp.weixin.qq.com/s/EX2rRz8bhplwOtLmiOgdzw

https://mp.weixin.qq.com/s/_mnYcvNo8FeEUYRJNhlOlQ

https://mp.weixin.qq.com/s/qYLpHryPPHj4zDuMhNHv2A

https://www.sohu.com/a/652673193_115362

http://www.customs.gov.cn/

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง

วันที่ 30 เมษายน 2568

thThai