นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังกดดันให้บริษัทญี่ปุ่นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตน โดยเป้าหมายในการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) และนโยบายด้านภาษีกำลังบีบบังคับให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องพิจารณาเกี่ยวกับแผนการลงทุนและการปรับโครงข่ายห่วงโซ่อุปทานของตนใหม่อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร โดยได้ยกเลิกมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV = Electric Vehicle) ที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ได้ดำเนินการไว้ และยกเลิกเป้าหมายที่จะทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในปี 2573 เป็นรถยนต์ไฮบริด
ผู้ผลิตรถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการทบทวนการลงทุน ในช่วงรัฐบาลของนายโจ ไบเดนที่ผ่านมา มี “กฎหมายว่าด้วยการลดภาวะเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act)” ที่ให้การสนับสนุนด้านภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัททั่วโลกหันมาลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ
บริษัทญี่ปุ่นอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า รวมถึงบริษัทอเมริกันได้เริ่มลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในอเมริกาเหนือ มีเป้าหมายเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานโดยไม่พึ่งพาจีน ฮอนด้าจะเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ แต่จะเป็นสายการผลิตที่รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด รองประธานบริษัทกล่าวว่า “จะดำเนินการในรูปแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนช่วงเวลาและปริมาณการผลิตได้อย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์” เพื่อเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากนโยบาย ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรด้วย นโยบายที่มีความเป็นไปได้คือการปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา
จากการสำรวจที่จัดทำโดย JETRO เมื่อวันที่ 17 มกราคม ซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ พบว่าร้อยละ 50 จะพิจารณาการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน และร้อยละ 70 จะได้รับผลกระทบเชิงลบด้านภาษีศุลกากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากเม็กซิโก ในบรรดาบริษัทญี่ปุ่น มาสด้าผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับสหรัฐฯ ที่เม็กซิโก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2569 กำไรจากการดำเนินงานอาจลดลงถึงร้อยละ 44 หากมาตรการภาษีของทรัมป์ถูกบังคับใช้ การปรับโครงข่ายการจัดหาห่วงโซ่อุปทานจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
ในทางกลับกัน บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทามูระจะเปิดโรงงานแห่งที่ 2 ที่เม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าจะมีการเก็บภาษีศุลกากร แต่คิดว่าเม็กซิโกยังคงมีต้นทุนต่ำด้วยค่าแรงที่ถูกกว่า บริษัทต่างๆ จะต้องพิจารณาผลกระทบจริงและประเมินแผนการลงทุนในเม็กซิโกต่อไป
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
บริษัทญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังทบทวนแผนการลงทุนและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมุ่งไปที่ตลาดสหรัฐฯ ที่พวกเขาเคยดำเนินการมา ในขณะที่บริษัทไทยที่ทำธุรกิจกับญี่ปุ่นในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและคาดการณ์ความต้องการจากสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ในทางกลับกัน อย่างน้อยในช่วง 4 ปีที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง การผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมัน (Gasoline Cars) จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแทนรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษีศุลกากรจะทำให้ต้นทุนของรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้าจากเม็กซิโกสูงขึ้น ซึ่งผลกระทบนี้ไม่ได้กล่าวถึงในบทความ แต่จะส่งผลเช่นเดียวกันกับสินค้าจากจีน ผลกระทบนี้จะขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยร้อยละ 50 ของบริษัทญี่ปุ่นในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาการปรับโครงข่ายห่วงโซ่อุปทาน และบริษัทไทยที่จัดหาชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างกลางให้กับผู้ผลิตญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทไทยที่ร่วมทุนกับญี่ปุ่น ก็อาจได้รับผลกระทบจากความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์ Nikkei ฉบับวันที่ 23 มกราคม 2568