ทิศทางการซื้อสินค้าออนไลน์ในออสเตรเลีย

ปี 2566 เศรษฐกิจออสเตรเลียอยู่ในภาวะชะลอตัว (ขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี) ประชาชนเผชิญกับภาวะความกดดันด้านค่าครองชีพที่สูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 4.1 อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 เงินออมภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.2 แต่การซื้อสินค้าของชาวออสเตรเลียมีความรัดกุมมากขึ้น (คำนึงถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าเป็นหลัก) ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับตราสินค้า การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้บริโภคเลือกใช้ เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการเลือกซื้อ (หลีกเลี่ยงฝูงชน) สามารถเปรียบเทียบราคา เพื่อให้ได้สินค้าดีและคุ้มค่า

ในช่วง Post COVID-19 การเติบโตของตลาด E-Commerce ออสเตรเลียขยายตัวในอัตราชะลอตัวลง การซื้อสินค้าออนไลน์ลดลงร้อยละ 3.1 ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าออนไลน์ของภาคครัวเรือนที่อาศัยในเขตชนบทและพื้นที่ห่างไกลเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับครัวเรือนที่อาศัยในเขตเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7  อีกทั้ง ชาวออสเตรเลียประมาณ 9.4 ล้านคนนิยมซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกมากขึ้น (ความสามารถในการเข้าถึงและได้รับสินค้าทันที) ทำให้ผู้จำหน่ายสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ทยอยเปิดร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันเนื่องจากตลาดออนไลน์ออสเตรเลียมีการแข่งขันสูงขึ้น ทั้งด้านราคาและบริการด้านต่างๆ (ระบบการชำระเงินแบบผ่อนจ่าย ฟรีค่าจัดส่ง  การรับประกันสินค้าและนโยบายการรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้า) ทำให้ผู้เล่นอย่าง Temu และ SHEIN ที่เข้ามาทำตลาดในออสเตรเลียเพียงระยะเวลาไม่นานได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากสินค้าดี ราคาถูก ฟรีค่าจัดส่งและมีนโยบายการรับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าที่ดี ผลสำรวจโดย Roy Morgan พบว่า ปี 2566 ชาวออสเตรเลียมากกว่า 2 ล้านคนซื้อสินค้าจากทั้ง 2 แพลตฟอร์ม ทำให้ Temu (ใช้กลยุทธ์ด้านความคุ้มค่า) และ SHEIN (เน้นการผลิตสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภค) มียอดขายมากกว่า 2 พันล้านเหรียญออสเตรเลียเป็นยอดขายจาก Temu สูงถึง 1.3 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (โดยมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มที่นิยมซื้อของถูก กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัวใหญ่และกลุ่มผู้เกษียณอายุ) ส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้า Homewares และ Electronics

นอกจากนี้ ผลสำรวจโดย Australian Post พบว่า ชาวออสเตรเลียร้อยละ 82 ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยชาวออสเตรเลียประมาณ 5.6 ล้านครัวเรือนซื้อสินค้าออนไลน์ทุกเดือน และนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ในช่วง Sale events เดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน (เช่น เทศกาล Black Friday/Cyber Monday Christmas/Boxing Day และ Amazon Prime Day) โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน (20 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม มีการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6) ส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลียที่มีอายุระหว่าง 25-44 ปีและผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มที่นิยมซื้อสินค้า/บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด

ชาวออสเตรเลียนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ช่วงบ่ายเวลา 14:00-17:00 น. และช่วงเวลา 19:00-22:00 น. นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์หลัง 22:00 น. (Late-night shopping) เนื่องจากมีส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษที่สิ้นสุดภายใน 24 ชั่วโมง (สิ้นสุดก่อนเที่ยงคืน) เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ มูลค่าการซื้อสินค้าออนไลน์เฉลี่ย 208 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ โดยผู้บริโภคเพศชายมีการซื้อสินค้ามูลค่า 221 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ซึ่งสูงกว่าเพศหญิงที่ 197 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ แบ่งเป็น

  • กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ซื้อสินค้าเฉลี่ย 279 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์
  • กลุ่มผู้บริโภค Gen Y ซื้อสินค้าเฉลี่ย 274 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์
  • กลุ่มผู้บริโภค Gen X ซื้อสินค้าเฉลี่ย 162 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์
  • กลุ่ม Baby boomers ซื้อสินค้ามูลค่าไม่ต่ำกว่า 72 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์
  • ผู้บริโภคร้อยละ 64 เลือกชำระเงินผ่าน PayPal และร้อยละ 13.2 ใช้ระบบการชำระเงินแบบผ่อนจ่าย (Afterpay และ ZipPay)
  • ชาวออสเตรเลียร้อยละ 96 สั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ
  • เว็บไซต์ที่นิยมซื้อสินค้าคือ Amazon, eBay, MyDeal, Kogan และ Catch

สินค้าที่นิยมซื้อออนไลน์มากที่สุด คือ สินค้า Homeware & domestic appliances รองลงมาคือ สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น สินค้า Groceries & Liquor สินค้า Media สินค้าประเภทอื่นๆ อาทิ อุปกรณ์กีฬาและกิจกรรมสันทนาการ และสินค้าเพื่อสุขภาพความงาม นอกจากบริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วแล้ว ชาวออสเตรเลียร้อยละ 75 ต้องการซื้อสินค้าที่ผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและจริยธรรมการผลิตเพื่อความยั่งยืน และร้อยละ 28 ซื้อสินค้าจากผู้จำหน่ายในต่างประเทศ

ปี 2566 ชาวออสเตรเลีย 6.2 ล้านคนใช้เวลากับสื่อโซเชียลมีเดีย (อาทิ Facebook YouTube Instagram และ Tik Tok) อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวันและร้อยละ 30.3 ซื้อสินค้าผ่านสื่อโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามและในปี 2567 คาดว่า การตลาด Social commerce จะมีบทบาทสูงในการทำตลาด E-Commerce ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด (อาทิ Advertisers, Marketing campaigns, sponsor, Post และ Influencer marketing) ของผู้ประกอบการในการทำตลาดออสเตรเลียต่อไป

……………………………………………………………………………………

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์

ที่มา;

Australian Post

IBISWorld

www.abc.net.au

thThai