ส่องมาตรการ NVES ที่ออสเตรเลียกำลังจะประกาศใช้ในปี 2568

ออสเตรเลียเป็นประเทศในกลุ่มสมาชิก OECD (นอกเหนือจากรัสเซีย) ที่ไม่มีหรืออยู่ระหว่างการพัฒนามาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานเชื้อเพลิงในยานยนต์ (Fuel efficiency standards) ปัจจุบันมลพิษจากยานยนต์มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของมลพิษที่ปล่อยจากภาคคมนาคมขนส่งออสเตรเลียและเพื่อให้บรรลุตามแผนนโยบายลดปัญหาโลกร้อนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ออสเตรเลียกำหนดแผนลดการปล่อยมลพิษระยะยาวให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 (2593)

ปี 2567 รัฐบาลกลางออสเตรเลียมีแผนกำหนดใช้มาตรฐานประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับรถยนต์ใหม่ New Vehicle Efficiency Standard (NVES) เพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานยนต์บนท้องถนน กระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานสะอาด (เพื่อให้รถยนต์รถยนต์พลังงานสะอาดที่หลากหลายและราคาถูกลง) และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ของประชาชนลง คาดว่า รัฐบาลจะประกาศเริ่มใช้มาตรฐาน NVES ในช่วงต้นปี 2025 (2568) ตั้งเป้ายกระดับประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยานยนต์ออสเตรเลียให้เทียบเท่ากับมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาภายในปี 2571

โดยรัฐบาลจะกำลังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ (Cleaner, Cheaper to Run Cars: An Australia New Vehicle Efficiency Standard Consultation Impact Analysis) เป็นเวลา 1 เดือน ผ่านเว็บไซต์ www.infrastructure.gov.au เริ่ม 4 กุภาพันธ์ 2567 สิ้นสุดในวันที่ 4 มีนาคม 2567 เพื่อศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำมากำหนดรูปแบบมาตรฐาน NVES (ซึ่งมี 3 รูปแบบคือ แบบ A (Slow Start) แบบ B (Fast but flexible) และแบบ C (Fast start) โดยรัฐบาลออสเตรเลียมีความสนใจใช้แนวทางดำเนินการแบบ B ซึ่งสามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับรถยนต์ใหม่ได้มากกว่าร้อยละ 60 ภายในปี 2572 โดยจะเป็นการลดแบบขั้นบันไดเริ่มตั้งแต่ปี 2568 ลดลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2572 ซึ่งจะทำให้ตั้งแต่ปี 2568 ผู้นำเข้ารถยนต์ต้องนำเข้ารถยนต์ที่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้มาตรฐาน NVES ซึ่งกำหนดให้รถยนต์ทั่วไปและ SUVs ต้องมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 141 กรัม/กิโลเมตร และในแต่ละปีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและภายในปี 2572 การนำเข้ารถยนต์ทั่วไปและ SUVs ต้องมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 58 กรัม/กิโลเมตร

สำหรับการนำเข้ารถบรรทุกขนาดเล็ก (รวมถึงรถกระบะและรถตู้) ในปี 2568 จะต้องมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 199 กรัม/กิโลเมตร และภายในปี 2572 การนำเข้ารถบรรทุกขนาดเล็กต้องมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ 81 กรัม/กิโลเมตร หากรถยนต์นำเข้ามีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าที่กำหนด ผู้นำเข้าสามารถใช้หรือซื้อ-ขาย carbon credit กับผู้ประกอบการอื่นๆ หรือเลือกชำระค่าปรับจำนวน 100 เหรียญออสเตรเลีย/กรัมและผลักภาระไปที่ผู้บริโภคโดยจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น

รัฐบาล คาดว่า แผนบังคับใช้มาตรฐาน NVES นี้จะทำให้ตั้งแต่ปี 2568 รถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียจะมีประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งชาวออสเตรเลียจะมีทางเลือกในการใช้รถยนต์พลังงานสะอาดในราคาที่ถูกลงและช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากการใช้งานรถยนต์ (ค่าพลังงาน) และมาตรฐาน NVES จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์ได้มากถึง 369 ล้านตันภายในปี 2593 (2050)

นาย Matt Hobbs ประธานบริหาร Motor Trades Association of Australia (MTAA) วิเคราะห์ รถยนต์ทั่วไปและ SUVs ที่มียอดขายสูงสุด 20 ยี่ห้อ พบว่า รถยนต์ส่วนใหญ่มีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่ามาตรฐาน NVES มีเพียงผู้ผลิตรถยนต์ไม่กี่รายที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรฐาน NVES และผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีปล่อยมลพิษต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างการผลิตซึ่งต้องใช้เวลา

ผู้ผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงต้นปี 2568 คือ Mazda, Ford, Mitsubishi, Subaru, Isuzu, Nissan และ LDV  ทั้งนี้ MTAA ได้เสนอ 5 แนวทางเพื่อความอยู่รอดของผู้ผลิตยานยนต์ไว้ ดังนี้ 1) ซื้อ carbon credit จากผู้ประกอบการอื่นๆ 2) เพิ่มไลน์การผลิตรถไฟฟ้าHybrid หรือ small ICE cars มากขึ้น 3) ลดจำนวนการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปลง หรือจำหน่ายในราคาสูงขึ้น 4) ทำตลาดด้านการเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันเพื่อลดสต๊อกรถยนต์รุ่นที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงออกไป 5) ร่วมทุนกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นในการวิจัย/พัฒนาเทคโนโลยีปล่อยมลพิษต่ำสำหรับยานยนต์เพื่อลดต้นทุน

ปี 2567 เดือนมกราคม ยอดขายรถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียมีจำนวน 89,782 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ชาวออสเตรเลียยังคงนิยมซื้อรถยนต์ SUV และรถกระบะมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 78.4 รถยนต์ยี่ห้อ Toyota ยังคงมียอดขายสูงสุด รองลงมาคือ Mazda, Ford, Hyundai และ Mitsubishi รุ่นที่นิยมและขายดีที่สุด คือ Ford Ranger, Toyota Hilux, Toyota Landcruiser, Isuzu Ute D-Max และ Toyota RAV สำหรับรถยนต์ปล่อยมลพิษต่ำ อาทิ รถยนต์ Hybrids, Plug-in hybrid และรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงได้รับความนิยมในตลาดมีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 17.4 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5.4 แม้ว่ารัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจะมีนโยบายกระตุ้นการซื้อรถไฟฟ้าก็ตาม แต่การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าออสเตรเลียยังค่อยเป็นค่อยไป

ความนิยมซื้อรถยนต์ SUV และรถกระบะของชาวออสเตรเลีย อาจเป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลกลางออสเตรเลียในการกำหนดใช้มาตรฐาน NVES ในช่วงต้นปี 2568  อีกทั้ง ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายต่างให้ความเห็นว่า เป็นนโยบายที่เข้มงวดเกินไปและยากต่อการปฏิบัติตาม ซึ่งผลประชาพิจารณ์และแนวทางการบังคับใช้มาตรฐาน NVES จะเป็นไปในรูปแบบใดรัฐบาลจะประกาศให้ทราบในภายหลัง

…………………………………………………………………………………….

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์

 

 

ที่มา :

www.infrastructure.gov.au

AFR

www.goauto.com.au

 

thThai