หน่วยงานไต้หวันชี้ เศรษฐกิจไต้หวันยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีการสู้รบในอิสราเอล

อิสราเอลเป็นคู่ค้าลำดับที่ 30 ของไต้หวัน โดยมูลค่าส่งออกของไต้หวันไปยังอิสราเอลในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1,120 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 0.2% ของการส่งออกของไต้หวันทั้งหมด สินค้าหลัก ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์ ICT และ โลหะพื้นฐาน เป็นต้น โดยมูลค่านำเข้าจากอิสราเอล มีมูลค่า 2,150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 0.5% ของการนำเข้าทั้งหมดของไต้หวัน สินค้าหลัก คือ อุปกรณ์ความแม่นยำสูง และสินแร่ ซึ่งทั้งมูลค่าส่งออกและนำเข้าระหว่างไต้หวันกับอิสราเอลต่างก็มีสัดส่วนไม่สูงนัก กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันจึงเห็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามในครั้งนี้จะอยู่ในวงจำกัด

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เช่น อิหร่าน หากอุปทานด้านน้ำมันในตลาดโลกถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงครามด้วย อาจส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันตก จนส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางไต้หวันอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะไม่ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวันในปีหน้าอย่างแน่นอน เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนในการประกอบการเพิ่มสูงขึ้น เกิดการชะลอการลงทุน ในขณะที่ประชาชนจะเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินจนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง อันจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

โดยในชั้นนี้ ยังไม่มีการชุมนุมประท้วงเกี่ยวกับกรณีนี้ในไต้หวัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงว่า ขณะนี้ยังมีชาวไต้หวันอยู่ในอิสราเอลอีกประมาณ 100 กว่าคน ส่วนใหญ่คือคนไต้หวันที่แต่งงานกับคนอิสราเอลและต้องการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่อิสราเอลมากกว่า และไม่มีความประสงค์จะเดินทางออกจากอิสราเอลในขณะนี้

thThai