กระทรวงอุตสาหกรรม-การค้าออกคำสั่งเกี่ยวกับการส่งออกข้าวและการรักษาเสถียรภาพของอุปทาน

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (Ministry of Industry and Trade: MIT) ได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดส่งออกข้าวและการรักษาเสถียรภาพของตลาดในประเทศในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงตลาดข้าวโลกที่คาดการณ์ได้ยาก เพื่อดำเนินการตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการส่งเสริมการผลิตข้าว การส่งออก ความยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางอาหารของชาติ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงขอให้ฝ่ายบริหารตลาดติดตามราคาข้าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าการส่งออกและการบริโภคในประเทศมีความสมดุล ตรวจสอบแหล่งกำเนิดและราคา เพื่อป้องกันการปั่นราคา รวมทั้งป้องกันการขนส่งและซื้อขายข้าวที่แหล่งกำเนิดไม่ชัดเจนและ ดำเนินการอย่างเข้มงวดกับการละเมิดกฎระเบียบการค้าข้าวและการส่งออกภายใต้กฤษฎีกาที่107/2018/ND-CP ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2561

กรมนำเข้า-ส่งออกภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้เร่งปรับแก้ไขเพิ่มเติมกฤษฎีกาที่ 107/2018/ND-CP เพื่อเสนอต่อรัฐบาลภายในไตรมาส 3 โดยกรมยังต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงต่างๆ สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) และสำนักงานการค้าในต่างประเทศ เพื่อติดตามตลาดข้าวโลกและนโยบายการส่งออกข้าวของประเทศที่ผลิตข้าว เพื่อรายงานต่อกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมการค้าอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังสั่งให้กรมเผยแพร่กลยุทธ์การพัฒนาตลาดส่งออกข้าวจนถึงปี 2030 ซึ่งได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี ในเดือนพฤษภาคม 2566 และร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม สำนักงานการค้าเวียดนามในต่างประเทศ และ สมาคมอาหารเวียดนาม เพื่อส่งเสริมการค้าและขยายตลาด

ผู้ส่งออกข้าวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดในการทำรายงานเป็นระยะและรักษาระดับปริมาณสำรองขั้นต่ำในขณะที่ทำงานร่วมกับสมาคมอาหารเวียดนาม เพื่อสร้างแผนสำหรับการผลิตและการค้า เข้าร่วมโปรแกรมรักษาเสถียรภาพของตลาด มีส่วนร่วมในการประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ

เวียดนามส่งออกข้าวไปต่างประเทศ 4.84 ล้านตัน มูลค่า 2,580 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในปี 2566 ผลผลิตข้าวของเวียดนามคาดว่า จะสูงถึง 43.2-43.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8-2 เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้วยสถานการณ์การผลิตในปัจจุบัน เวียดนามสามารถตอบสนองการบริโภคในประเทศและส่งออกได้ 7-7.5 ล้านตัน

ราคาข้าวในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามเมื่อปลายเดือนกรกฎคม 2566 ที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี หลังจากอินเดียห้ามส่งออกข้าว

                                         (จาก https://vietnamnews.vn/)

ข้อคิดเห็น สคต

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกได้ประกาศห้ามการส่งออกข้าว ซึ่งส่งผลให้ราคาอาหารหลักทั่วโลกสูงขึ้น เนื่องจากอินเดียครองสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ของตลาดส่งออกข้าวทั่วโลก สำหรับผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมข้าวเวียดนามจะได้รับผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ นโยบายส่งออกข้าวของอินเดียจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวเวียดนามผ่านช่องทางราคาและปริมาณการส่งออก โดยจะมีโอกาสอย่างมากสำหรับเวียดนามในการส่งเสริมการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ราคาข้าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 11 เป็น 539 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และอาจสูงถึง 600-700 เหรียญสหรัฐฯ ความต้องการข้าวเวียดนามในตลาดโลกอาจมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากนโยบายควบคุม การส่งออกข้าวของอินเดีย ผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมข้าวเวียดนาม จะต้องเร่งปรับตัวเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงของปัจจัยเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเวียดนามจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 3 อันดับแรกของโลก แต่เวียดนามต้องนำเข้าข้าวประมาณ 1 ล้านตันต่อปีจากอินเดียเพื่อแปรรูป การห้ามส่งออกของอินเดียจะทำให้อุปทานในตลาดเวียดนามตึงเครียด ซึ่งจะผลักดันราคาให้สูงขึ้นและข้าวหอมหลายชนิดราคาอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งการรับประกันความมั่นคงด้านอาหารและความต้องการบริโภคภายในประเทศยังคงมีความสำคัญสูงสุด

thThai