เนื้อหาสาระข่าวและบทวิเคราะห์: เข้าสู่ช่วงเทศกาลที่สำคัญที่สุดอีกช่วงหนึ่งสำหรับชาวอเมริกัน นั่นก็คือเทศกาลวันชาติ หรือวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี โดยในปีนี้นอกจากการเฉลิมฉลองตามวิถีของชาวอเมริกันทั่วไปแล้วนั้น สิ่งที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความแตกต่างในการเฉลิมฉลองไปบ้างไม่มากก็น้อย ก็คือสภาวะสงครามการค้าที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จากการที่กำหนดครบการละเว้นการบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีนำเข้าแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยประกาศเอาไว้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ตลอดจนกำแพงภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่พึ่งประกาศปรับขึ้นอยู่ที่ 50% ไปหมาด ๆ ทำให้เป็นที่น่าสนใจว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบทำให้การเฉลิมฉลองวันชาติของชาวอเมริกันมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ เพียงใด ซึ่งรายงานข่าวประจำสัปดาห์นี้จะได้อภิปรายถึงประเด็นนี้ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองเป็นหลักซึ่งได้แก่สินค้าพลุไฟ และกลุ่มสินค้าอาหาร
เนื่องจากชาวอเมริกันนิยมทำอาหารประเภทบาร์บิคิว / อาหารปิ้งย่างทานกันในกลุ่มเพื่อนหรือภายในครอบครัวเนื่องในโอกาสวันสำคัญที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสังสรรค์กัน สินค้าอุปกรณ์ประกอบอาหารบาร์บิคิวหรือปิ้งย่าง เช่น เตาปิ้ง มีรายงานข้อมูลจากสภาหอการค้าสหรัฐฯว่าผลจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ทำให้ราคาเตาปิ้งย่างทั่วไปซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 715 เหรียญสหรัฐฯ หรือสูงขึ้น 165 เหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว เช่นเดียวกับสินค้าถังแก๊สซึ่งก็ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน สำหรับสินค้าอาหารนั้นมีรายงานจาก Wells Fargo Agri-Food Institute ว่าในภาพรวมนั้นค่าใช้จ่ายอาหารสำหรับการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯสำหรับ 10 คนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 130 เหรียญสหรัฐฯ โดยปรับสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 2.2% ในขณะที่ราคาสินค้าเนื้อบดปรับตัวสูงขึ้น 7.4% และราคาซอสบาร์บิคิวสูงขึ้น 2.3% จากปีที่แล้ว
หัวใจสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองคือสินค้าพลุไฟ ซึ่งตามที่อาจจะพอคาดเดาได้อยู่นั้น ข้อมูลจากสมาคมพลุไฟแห่งชาติสหรัฐฯ (National Fireworks Association) ชี้ให้เห็นว่าสินค้าพลุไฟสำหรับผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Fireworks) นั้น สหรัฐฯนำเข้าจากประเทศจีนมากถึง 99% ในขณะที่สินค้าพลุไฟขนาดใหญ่สำหรับการแสดง (Display Fireworks) นั้นสหรัฐฯนำเข้าจากประเทศจีนอยู่ที่ 75% เฉกเช่นสินค้าชนิดอื่น ๆ ที่สหรัฐฯยังคงพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งสภาวะกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าส่งผลให้ราคาสินค้าพลุไฟปรับตัวสูงขึ้น โดยมีการประมาณตัวเลขจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลุไฟ จากเดิมราคาต้นทุนค่าใช้จ่ายพลุไฟต่อการแสดงอยู่ที่ 7,500 – 15,000 เหรียญสหรัฐฯ นั้น อาจปรับตัวสูงขึ้น 5,000 – 15,000 เหรียญสหรัฐฯต่อการแสดงเลยทีเดียว
ตารางแสดงข้อมูลสถิติมูลค่าการนำเข้าสินค้าพลุไฟของสหรัฐฯ ในปี 2024
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: หากพิจารณาข้อมูลจากตารางในข้างต้น จะพบว่าแม้ว่าประเทศจีนจะเป็นผู้ส่งออกสินค้าพลุไฟรายใหญ่ที่สุดมายังสหรัฐฯ (เฉลี่ยรวมมูลค่าการนำเข้าประมาณ 96% จากทั้งหมด) แต่จะพบว่าประเทศไทยก็ยังได้ส่งออกสินค้าพลุไฟมาเป็นอันดับที่ 4 ตามหลังสเปนและกัมพูชา ดังนั้น ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้าพลุไฟจากประเทศไทยมายังสหรัฐฯ อาจพิจารณาหาช่องทางในการขยายการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมายังสหรัฐฯ ทั้งนี้ ควรติดตามสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา: Newsweek
เรื่อง: “How Will Tariffs Impact 4th of July Festivities?”
โดย: Nick Mordowanec
สคต. ไมอามี /วันที่ 3 กรกฎาคม 2568