เจาะลึกตลาดโลก (Deep insight into the global market)

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เนื้อหาสาระข่าวและบทวิเคราะห์: ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ&nbsp;Climate Change ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตในด้านต่าง ๆ ของพวกเราทุกคนในทางใดทางหนึ่ง โดยหนึ่งในด้านผลกระทบที่เชื่อว่าหลายคนอาจคาดไม่ถึงนั่นก็คือสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการค้าด้วยเช่นกัน กล่าวคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นอาจได้รับอิทธิพลที่มีผลต่อความต้องการซื้อสินค้ามาจากสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน และจากการที่ในปัจจุบันนี้สภาพภูมิอากาศค่อนข้างจะมีความผันผวน ไม่แน่นอน และคาดการณ์ได้ยากกว่าในอดีต ทำให้เกิดความพยายามริเริ่มจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Retail Federation: NRF) ร่วมกับบริษัท&nbsp;Planalytics ในการพัฒนาระบบ&nbsp;“Retail Weather IQ” สำหรับประมวลข้อมูลสภาพภูมิอากาศและข้อมูลสถิติยอดขายและความต้องการสินค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อเพิ่มมิติในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;แนวคิด Weather-Driven Demand หรือ ความต้องการสินค้าซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ คือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณความต้องการสินค้าที่แปรผันตามสภาพภูมิอากาศตามที่แต่ละท้องที่ทั่วสหรัฐฯ ทำให้สามารถคาดการณ์ พฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ&nbsp;(Weather-Driven Consumer Behavior) ดังจะเห็นได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วนจำแนกตามช่วงเวลาและพื้นที่&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ถือได้ว่าเป็นเดือนพฤษภาคมที่อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติ (เดือนพฤษภาคมที่เย็นที่สุดใน 2 ปี) และเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯค่อนข้างชุก ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้ากลุ่มใช้ประกอบกิจกรรมนอกบ้านหรือในที่แจ้ง&nbsp;(Outdoor) และกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน อาทิ สินค้าอุปกรณ์เกี่ยวกับสนามหญ้าและสวน สินค้าเฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน&nbsp;(Patio Furniture) และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสำหรับหน้าร้อนในปีนี้ค่อนช้างล่าช้ากว่าในปีก่อนหน้า โดยที่เมือง&nbsp;Baltimore มลรัฐ&nbsp;Maryland ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องตัดหญ้าลดลง 10% ขณะที่เมือง&nbsp;Pittsburgh มลรัฐ Pennsylvania ปริมาณความต้องการสินค้ารองเท้าแตะลดลงเช่นกัน&nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่ในชายฝั่งตะวันออก และ&nbsp;Midwest ถือว่าเป็นเดือนมิถุนายนที่ฝนตกชุกที่สุดในรอบ 4 ปี ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าอุปกรณ์สารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำลดลง 10% ในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่พื้นที่ทางตอนใต้ และชายฝั่งตะวันตกต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดที่ลากยาวกว่าปกติ ในทิศทางตรงกันข้ามกลับทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าอุปกรณ์สารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำเพิ่มขึ้น 14% อาทิเช่นในเมือง&nbsp;Indianapolis มลรัฐ Indiana เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากหลายเมืองในพื้นที่ชายฝั่งกำลังเผชิญกับสภาพภูมิอากาศเย็นกว่าปกติ ในขณะที่ทางตอนกลางของประเทศอุณหภูมิค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกันนั้น ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศในเมือง&nbsp;Kansas City มลรัฐ&nbsp;Kansas เพิ่มขึ้น 13% ตรงกันข้ามกับในเมือง&nbsp;New York City ที่ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศลดลงถึง 17% เช่นเดียวกันกับสินค้าชุดว่ายน้ำในเมือง&nbsp;Boston มลรัฐ&nbsp;Massachusetts ที่ปริมาณความต้องการสินค้าลดลง 8% ในขณะที่เมือง&nbsp;Oklahoma City มลรัฐ&nbsp;Oklahoma ปริมาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น 11% ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนกว่า&nbsp; &nbsp; &nbsp;จากตัวอย่างการประมวลข้อมูลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสภาพภูมิอากาศในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละพื้นที่ของสหรัฐฯซึ่งมีความแตกต่างกันพอสมควรนั้นสร้างให้เกิดปริมาณความต้องการสินค้าที่มาก – น้อย และความต้องการที่มีต่อแต่ละประเภทกลุ่มสินค้าแตกต่างกันไป ทำให้คำอธิบายของ&nbsp;Weather-Driven Demand ซึ่งสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น&nbsp; &nbsp; &nbsp;ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: ด้วยความสำคัญและประโยชน์ของการรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งมีอิทธิพลต่อความต้องการสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่ได้หยิบยกตัวอย่างอธิบายไว้ในข้างต้นแล้ว และเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นในการคาดการณ์ทิศทางและแนวโน้มปริมาณการสั่งซื้อสินค้า และประเภทกลุ่มสินค้าจากบรรดาผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ในพื้นที่เมืองและมลรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ สอดคล้องกับสภาพความต้องการจริงให้ได้มากที่สุดนั้น สคต. ณ เมืองไมอามีจึงเสนอแนะให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทย พิจารณาใช้งานระบบ&nbsp;Retail Weather IQ อีกทางหนึ่ง&nbsp;(สามารถเข้าใช้งานระบบได้&nbsp;<a target="_blank" rel="noopener noreferrer" href="https://nrf.com/research-insights/center-retail-consumer-insights/retail-weatheriq">ที่นี่</a>) โดยระบบจะอัพเดทข้อมูลความต้องการสินค้าตามสภาพภูมิอากาศแบบรายสัปดาห์ เพื่อประโยชน์ต่อการติดตามข้อมูลตลาดสหรัฐฯและการวางแผนการส่งออก&nbsp;ตัวอย่างระบบ&nbsp;Retail Weather IQ บนหน้าเว็บไซต์&nbsp;NRF.com<figure class="image"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_9baf3391c6.png" alt="retailweatheriq-may-and-june-maps_updated.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_9baf3391c6.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_9baf3391c6.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_9baf3391c6.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<figure class="image"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/retailweatheriq_weather_driven_demand_a8b458bd9e.png" alt="retailweatheriq-weather-driven-demand.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_retailweatheriq_weather_driven_demand_a8b458bd9e.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_retailweatheriq_weather_driven_demand_a8b458bd9e.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_retailweatheriq_weather_driven_demand_a8b458bd9e.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure><blockquote>ที่มา:&nbsp;National Retail Federation (NRF) เรื่อง: “How weather is shaping retail trends: Q2 2025” โดย:&nbsp;Lindsey Henry สคต. ไมอามี /วันที่ 15 กรกฎาคม 2568</blockquote>

สหรัฐอเมริกา

large_Cover.png

medium_Cover.png

small_Cover.png

thumbnail_Cover.png

Cover.png

สคต. ณ เมืองไมอามี (สหรัฐอเมริกา)

แนะนำระบบ Retail Weather IQ สำหรับการวิเคราะห์ตลาดสหรัฐฯ 

&nbsp; &nbsp; &nbsp;เนื้อหาสาระข่าวและบทวิเคราะห์: ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ&nbsp;Climate Change ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตในด้านต่าง ๆ ของพวกเราทุกคนในทางใดทางหนึ่ง โดยหนึ่งในด้านผลกระทบที่เชื่อว่าหลายคนอาจคาดไม่ถึงนั่นก็คือสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อการค้าด้วยเช่นกัน กล่าวคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นอาจได้รับอิทธิพลที่มีผลต่อความต้องการซื้อสินค้ามาจากสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน และจากการที่ในปัจจุบันนี้สภาพภูมิอากาศค่อนข้างจะมีความผันผวน ไม่แน่นอน และคาดการณ์ได้ยากกว่าในอดีต ทำให้เกิดความพยายามริเริ่มจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Retail Federation: NRF) ร่วมกับบริษัท&nbsp;Planalytics ในการพัฒนาระบบ&nbsp;“Retail Weather IQ” สำหรับประมวลข้อมูลสภาพภูมิอากาศและข้อมูลสถิติยอดขายและความต้องการสินค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อเพิ่มมิติในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;แนวคิด Weather-Driven Demand หรือ ความต้องการสินค้าซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ คือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณความต้องการสินค้าที่แปรผันตามสภาพภูมิอากาศตามที่แต่ละท้องที่ทั่วสหรัฐฯ ทำให้สามารถคาดการณ์ พฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศ&nbsp;(Weather-Driven Consumer Behavior) ดังจะเห็นได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วนจำแนกตามช่วงเวลาและพื้นที่&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ถือได้ว่าเป็นเดือนพฤษภาคมที่อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติ (เดือนพฤษภาคมที่เย็นที่สุดใน 2 ปี) และเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯค่อนข้างชุก ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้ากลุ่มใช้ประกอบกิจกรรมนอกบ้านหรือในที่แจ้ง&nbsp;(Outdoor) และกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน อาทิ สินค้าอุปกรณ์เกี่ยวกับสนามหญ้าและสวน สินค้าเฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน&nbsp;(Patio Furniture) และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสำหรับหน้าร้อนในปีนี้ค่อนช้างล่าช้ากว่าในปีก่อนหน้า โดยที่เมือง&nbsp;Baltimore มลรัฐ&nbsp;Maryland ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องตัดหญ้าลดลง 10% ขณะที่เมือง&nbsp;Pittsburgh มลรัฐ Pennsylvania ปริมาณความต้องการสินค้ารองเท้าแตะลดลงเช่นกัน&nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่ในชายฝั่งตะวันออก และ&nbsp;Midwest ถือว่าเป็นเดือนมิถุนายนที่ฝนตกชุกที่สุดในรอบ 4 ปี ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าอุปกรณ์สารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำลดลง 10% ในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่พื้นที่ทางตอนใต้ และชายฝั่งตะวันตกต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดที่ลากยาวกว่าปกติ ในทิศทางตรงกันข้ามกลับทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าอุปกรณ์สารเคมีสำหรับสระว่ายน้ำเพิ่มขึ้น 14% อาทิเช่นในเมือง&nbsp;Indianapolis มลรัฐ Indiana เป็นต้น&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;สำหรับในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากหลายเมืองในพื้นที่ชายฝั่งกำลังเผชิญกับสภาพภูมิอากาศเย็นกว่าปกติ ในขณะที่ทางตอนกลางของประเทศอุณหภูมิค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกันนั้น ทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศในเมือง&nbsp;Kansas City มลรัฐ&nbsp;Kansas เพิ่มขึ้น 13% ตรงกันข้ามกับในเมือง&nbsp;New York City ที่ปริมาณความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศลดลงถึง 17% เช่นเดียวกันกับสินค้าชุดว่ายน้ำในเมือง&nbsp;Boston มลรัฐ&nbsp;Massachusetts ที่ปริมาณความต้องการสินค้าลดลง 8% ในขณะที่เมือง&nbsp;Oklahoma City มลรัฐ&nbsp;Oklahoma ปริมาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น 11% ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนกว่า&nbsp; &nbsp; &nbsp;จากตัวอย่างการประมวลข้อมูลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสภาพภูมิอากาศในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละพื้นที่ของสหรัฐฯซึ่งมีความแตกต่างกันพอสมควรนั้นสร้างให้เกิดปริมาณความต้องการสินค้าที่มาก – น้อย และความต้องการที่มีต่อแต่ละประเภทกลุ่มสินค้าแตกต่างกันไป ทำให้คำอธิบายของ&nbsp;Weather-Driven Demand ซึ่งสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น&nbsp; &nbsp; &nbsp;ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: ด้วยความสำคัญและประโยชน์ของการรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งมีอิทธิพลต่อความต้องการสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่ได้หยิบยกตัวอย่างอธิบายไว้ในข้างต้นแล้ว และเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นในการคาดการณ์ทิศทางและแนวโน้มปริมาณการสั่งซื้อสินค้า และประเภทกลุ่มสินค้าจากบรรดาผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ในพื้นที่เมืองและมลรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ สอดคล้องกับสภาพความต้องการจริงให้ได้มากที่สุดนั้น สคต. ณ เมืองไมอามีจึงเสนอแนะให้ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทย พิจารณาใช้งานระบบ&nbsp;Retail Weather IQ อีกทางหนึ่ง&nbsp;(สามารถเข้าใช้งานระบบได้&nbsp;<a target="_blank" rel="noopener noreferrer" href="https://nrf.com/research-insights/center-retail-consumer-insights/retail-weatheriq">ที่นี่</a>) โดยระบบจะอัพเดทข้อมูลความต้องการสินค้าตามสภาพภูมิอากาศแบบรายสัปดาห์ เพื่อประโยชน์ต่อการติดตามข้อมูลตลาดสหรัฐฯและการวางแผนการส่งออก&nbsp;ตัวอย่างระบบ&nbsp;Retail Weather IQ บนหน้าเว็บไซต์&nbsp;NRF.com<figure class="image"><img alt="retailweatheriq-may-and-june-maps_updated.png" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_65b68d1082.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_65b68d1082.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_65b68d1082.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_retailweatheriq_may_and_june_maps_updated_65b68d1082.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure><figure class="image"><img alt="retailweatheriq-weather-driven-demand.png" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/retailweatheriq_weather_driven_demand_193738eb91.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_retailweatheriq_weather_driven_demand_193738eb91.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_retailweatheriq_weather_driven_demand_193738eb91.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_retailweatheriq_weather_driven_demand_193738eb91.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<blockquote>ที่มา :&nbsp;National Retail Federation (NRF) เรื่อง :&nbsp;“How weather is shaping retail trends: Q2 2025” โดย :&nbsp;Lindsey Henry สคต. ไมอามี /วันที่ 15 กรกฎาคม 2568</blockquote>

&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;เนื้อหาสาระข่าวและบทวิเคราะห์: เข้าสู่ช่วงเทศกาลที่สำคัญที่สุดอีกช่วงหนึ่งสำหรับชาวอเมริกัน นั่นก็คือเทศกาลวันชาติ หรือวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี โดยในปีนี้นอกจากการเฉลิมฉลองตามวิถีของชาวอเมริกันทั่วไปแล้วนั้น สิ่งที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความแตกต่างในการเฉลิมฉลองไปบ้างไม่มากก็น้อย ก็คือสภาวะสงครามการค้าที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จากการที่กำหนดครบการละเว้นการบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีนำเข้าแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยประกาศเอาไว้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ตลอดจนกำแพงภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่พึ่งประกาศปรับขึ้นอยู่ที่ 50% ไปหมาด ๆ ทำให้เป็นที่น่าสนใจว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบทำให้การเฉลิมฉลองวันชาติของชาวอเมริกันมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ เพียงใด&nbsp;ซึ่งรายงานข่าวประจำสัปดาห์นี้จะได้อภิปรายถึงประเด็นนี้ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองเป็นหลักซึ่งได้แก่สินค้าพลุไฟ และกลุ่มสินค้าอาหาร&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; เนื่องจากชาวอเมริกันนิยมทำอาหารประเภทบาร์บิคิว / อาหารปิ้งย่างทานกันในกลุ่มเพื่อนหรือภายในครอบครัวเนื่องในโอกาสวันสำคัญที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสังสรรค์กัน สินค้าอุปกรณ์ประกอบอาหารบาร์บิคิวหรือปิ้งย่าง เช่น เตาปิ้ง มีรายงานข้อมูลจากสภาหอการค้าสหรัฐฯว่าผลจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ทำให้ราคาเตาปิ้งย่างทั่วไปซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 715 เหรียญสหรัฐฯ หรือสูงขึ้น 165 เหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียว เช่นเดียวกับสินค้าถังแก๊สซึ่งก็ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน &nbsp;สำหรับสินค้าอาหารนั้นมีรายงานจาก&nbsp;Wells Fargo Agri-Food Institute ว่าในภาพรวมนั้นค่าใช้จ่ายอาหารสำหรับการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯสำหรับ 10 คนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 130 เหรียญสหรัฐฯ โดยปรับสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 2.2% ในขณะที่ราคาสินค้าเนื้อบดปรับตัวสูงขึ้น 7.4% และราคาซอสบาร์บิคิวสูงขึ้น 2.3% จากปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; หัวใจสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองคือสินค้าพลุไฟ ซึ่งตามที่อาจจะพอคาดเดาได้อยู่นั้น ข้อมูลจากสมาคมพลุไฟแห่งชาติสหรัฐฯ&nbsp;(National Fireworks Association) ชี้ให้เห็นว่าสินค้าพลุไฟสำหรับผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Fireworks) นั้น สหรัฐฯนำเข้าจากประเทศจีนมากถึง 99% ในขณะที่สินค้าพลุไฟขนาดใหญ่สำหรับการแสดง&nbsp;(Display Fireworks) นั้นสหรัฐฯนำเข้าจากประเทศจีนอยู่ที่ 75% เฉกเช่นสินค้าชนิดอื่น ๆ ที่สหรัฐฯยังคงพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งสภาวะกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าส่งผลให้ราคาสินค้าพลุไฟปรับตัวสูงขึ้น โดยมีการประมาณตัวเลขจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลุไฟ จากเดิมราคาต้นทุนค่าใช้จ่ายพลุไฟต่อการแสดงอยู่ที่ 7,500 – 15,000 เหรียญสหรัฐฯ นั้น อาจปรับตัวสูงขึ้น 5,000 – 15,000 เหรียญสหรัฐฯต่อการแสดงเลยทีเดียว&nbsp;<o:p></o:p><figure class="image"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/table_4eef492b41.png" alt="table.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_table_4eef492b41.png 208w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_table_4eef492b41.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_table_4eef492b41.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure> ตารางแสดงข้อมูลสถิติมูลค่าการนำเข้าสินค้าพลุไฟของสหรัฐฯ ในปี&nbsp;2024&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: หากพิจารณาข้อมูลจากตารางในข้างต้น จะพบว่าแม้ว่าประเทศจีนจะเป็นผู้ส่งออกสินค้าพลุไฟรายใหญ่ที่สุดมายังสหรัฐฯ&nbsp;(เฉลี่ยรวมมูลค่าการนำเข้าประมาณ 96% จากทั้งหมด) แต่จะพบว่าประเทศไทยก็ยังได้ส่งออกสินค้าพลุไฟมาเป็นอันดับที่ 4 ตามหลังสเปนและกัมพูชา ดังนั้น ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้าพลุไฟจากประเทศไทยมายังสหรัฐฯ อาจพิจารณาหาช่องทางในการขยายการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมายังสหรัฐฯ ทั้งนี้ ควรติดตามสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ &nbsp;<blockquote>ที่มา:&nbsp;Newsweek เรื่อง:&nbsp;“How Will Tariffs Impact 4th of July Festivities?” โดย:&nbsp;Nick Mordowanec สคต. ไมอามี /วันที่ 3 กรกฎาคม 2568</blockquote>

large_cover.png

medium_cover.png

small_cover.png

thumbnail_cover.png

cover.png

ผลกระทบต่อเทศกาลวันชาติของสหรัฐฯจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า

"Marting@ditp.go.th"