ในช่วงกลางไตรมาสของปี 2025 อินเดียกำลังเผชิญกับวิกฤติการขาดแคลนปุ๋ยครั้งใหญ่ ซึ่งเกิดจากการที่จีนระงับการส่งออกปุ๋ยชนิด DAP (Diammonium Phosphate) โดยหยุดการตรวจสอบและอนุมัติการส่งออกไปยังอินเดียในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงก่อนฤดูกาลเพาะปลูก Kharif ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศอินเดียโดยตรง การตัดสินใจของจีนในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการใช้ซัพพลายเชนเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ (supply-chain weaponisation) เพื่อกดดันอินเดีย
ด้านรัฐบาลอินเดียได้ตอบโต้ด้วยการดำเนินงานทางการทูตอย่างเข้มข้นและรวดเร็ว เพื่อเสริมความมั่นคงระบบซัพพลายเชนของปุ๋ย โดยได้เจรจาและลงนามสัญญาระยะยาวกับประเทศพันธมิตรใหม่ อาทิ
- ซาอุดีอาระเบีย: ผ่านบริษัท Ma’aden ที่ตกลงจะส่งมอบปุ๋ย DAP จำนวน 3.1 ล้านตันต่อปี โดยมีการจัดส่งระยะสั้นถึง 1 ล้านตันในช่วงเวลาสั้น ๆ
- โมร็อกโก: ผ่านบริษัท OCP ยังตกลงส่งออกปุ๋ยอีก 5 แสนตันเพื่อเติมเต็มความต้องการในระยะเร่งด่วน
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรเหล่านี้ แต่อินเดียยังคงมีส่วนที่ขาดประมาณ 7 แสนตัน โดยรัฐบาลอินเดียจึงเตรียมใช้สำรองปุ๋ยในประเทศ โดยได้ระงับคำสั่งปิดโรงงานปุ๋ยหลายแห่งที่มีความสำคัญเพื่อรักษาความต่อเนื่องของการผลิตภายในประเทศ และเพิ่มความพร้อมของปุ๋ยสำรองรองรับความต้องการภายใน
นอกจากนี้ อินเดียยังมีการเจรจากับรัสเซียเพื่อขอเพิ่มปริมาณการส่งออก เนื่องจากปุ๋ยไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดหรือมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ รวมถึงการขยายฐานซัพพลายปุ๋ยไปยังประเทศอื่น ๆ ในแอฟริกาและยุโรป เช่น อียิปต์ ไนจีเรีย ตูนิเซีย และมอริเตเนีย เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน
โดยการดำเนินมาตรการรับมือของรัฐบาลอินเดียตามข้างต้นจะช่วยให้อินเดียสามารถรักษาเสถียรภาพของปริมาณปุ๋ยได้ทันก่อนฤดูกาล Rabi รวมถึงเป็นการลดการพึ่งพาจีน และเพิ่มความหลากหลายของแหล่งนำเข้าทางเลือก ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสามารถของรัฐบาลอินเดียในการรับมือและบริหารวิกฤตซัพพลายเชนของสินค้าจำเป็นทางยุทธศาสตร์ เช่น ปุ๋ย ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นผู้นำเข้าปุ๋ยรายใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก เนื่องจากความต้องการสูงในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะปุ๋ย DAP และยูเรีย โดยมีแหล่งนำเข้าหลัก ได้แก่:
จีน: ก่อนเกิดวิกฤติ เป็นผู้ส่งออกปุ๋ย DAP รายใหญ่ที่สุดให้กับอินเดีย
ซาอุดีอาระเบีย: บริษัท Ma’aden เป็นพันธมิตรหลักในปัจจุบัน
โมร็อกโก: OCP Group เป็นผู้ส่งออกปุ๋ยฟอสเฟตรายใหญ่
รัสเซีย: มีศักยภาพเป็นแหล่งสำรองปุ๋ยเพิ่มเติม
ประเทศอื่นในแอฟริกาและยุโรป: เช่น อียิปต์ ไนจีเรีย และตูนิเซีย ที่กำลังถูกพัฒนาเป็นฐานซัพพลายเพิ่ม
ผู้เล่นหลักในตลาดปุ๋ยอินเดีย ประกอบด้วย Ma’aden, OCP Group, Indian Farmers Fertiliser Cooperative Limited (IFFCO), และ National Fertilizers Limited (NFL) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของตลาด
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
สำหรับผู้ประกอบการสินค้าปุ๋ยของไทยอาจใช้โอกาสนี้ในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและเจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าปุ๋ยของอินเดีย เพื่อเป็นอีกแหล่งนำเข้าทางเลือก และสร้างความสัมพันธ์ต่อยอดเพื่อเป็นคู่ค้าในระยะยาวต่อไป นอกเหนือจากการส่งออกปุ๋ยเพื่อเป็นแหล่งซัพพลายใหม่ทดแทนจีนแล้ว ผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณาร่วมมือกับบริษัทอินเดียในการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยประสิทธิภาพสูง ปุ๋ยชีวภาพ หรือปุ๋ยสังเคราะห์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงอาจพิจารณาลงทุนหรือร่วมทุนกับบริษัทอินเดียในการผลิตปุ๋ย หรือพัฒนาซัพพลายเชนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดอินเดียต่อไป
แหล่งอ้างอิง
1. ET Analysis: India Counters China’s Fertilizer Export Freeze with Help from Morocco, Saudi Arabia, The Economic Times, Jul 21, 2025. https://economictimes.indiatimes.com/industry/indl-goods/svs/metals-mining/et-analysis-india-counters-chinas-fertilizer-export-freeze-with-diplomatic-push/articleshow/122800549.cms
2. Dragon Fire Extinguished! How India Has Successfully Countered China’s Fertilizer Export Blocks, Times of India, Jul 21, 2025. http://timesofindia.indiatimes.com/articleshow/122809516.cms
3. Annual Market Report 2024, Fertilizer Association of India (FAI). https://www.faidelhi.org/
4. India seeks to diversify fertilizer imports amid China export halt, Reuters. https://www.reuters.com/business/energy/india-diversifies-fertilizer-imports-after-china-halt-2025