รัฐบาลอินเดียโดยกระทรวงท่าเรือ การขนส่ง และการเดินเรือ (Ministry of Ports, Shipping and Waterways: MoPSW) ได้ประกาศแผนจัดสรรพื้นที่รวม 15,000 เอเคอร์ ใน 5 รัฐชายฝั่ง ได้แก่ มหาราษฏระ โอริศา ทมิฬนาฑู อานธรประเทศ และคุชราต เพื่อจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่อเรือ โดยตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศรวมมูลค่า 1.5 ล้านล้านรูปีอินเดีย
รัฐมหาราษฏระ มีการจัดสรรพื้นที่รวมกว่า 5,800 เอเคอร์ใน 4 แห่ง ได้แก่ Dighi, Jaigad, Vijaydurg และ Bankot และกำลังพิจารณาพื้นที่เพิ่มเติมใน Nandgaon และ Dhabol รัฐเสนอให้เงินสนับสนุนร้อยละ 15 ของมูลค่าโครงการ พร้อมสิทธิประโยชน์ด้านการพัฒนาแรงงานและการวิจัยและพัฒนา (R&D) นอกจากนี้ยังพิจารณาให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาอู่ต่อเรือแบบรวมศูนย์ซึ่งครอบคลุมการต่อ ซ่อม และรีไซเคิลเรือ ในพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ของรัฐ เช่น Alang และ Vadhawan
รัฐทมิฬนาฑูได้กำหนดพื้นที่ 3,000 เอเคอร์ในเขต Tuticorin (Thoothukudi) เพื่อจัดตั้งคลัสเตอร์ต่อเรือ และผลักดันการผลิตเรือพลังงานสีเขียว โดยสนับสนุนผ่านโครงการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว 5 โครงการ คาดว่าระบบท่อส่งไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียจะแล้วเสร็จภายในปี 2570 นอกจากนี้ รัฐทมิฬนาฑูยังเตรียมออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน 3 รูปแบบ ได้แก่ การคืนเงินลงทุนตามสัดส่วน การสนับสนุนตามค่าจ้างแรงงาน และการสนับสนุนต่อจำนวนเรือที่ผลิต ทั้งนี้ พื้นที่ Thoothukudi ได้รับการยอมรับให้เป็น “คลัสเตอร์ไฮโดรเจนสีเขียว” โดย World Economic Forum
รัฐอานธรประเทศได้ระบุพื้นที่ 3,000 เอเคอร์ใน Durgarajapatnam, Machillipatnam และ Mulapeta โดยดำเนินการศึกษาเชิงเทคนิคและเศรษฐกิจแล้วเสร็จในระยะที่หนึ่ง และยังเตรียมพื้นที่เพิ่มเติมอีก 2,500 เอเคอร์ รวมถึงวางแผนพัฒนาอู่ต่อเรืออีก 47 แห่งตามลำธารต่าง ๆ เพื่อเสริมเครือข่ายการผลิตแบบกระจายตัว
รัฐโอริศาได้จัดสรรพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ใกล้ท่าเรือ Paradip ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าจะเชื่อมโยงกับการขนส่งวัตถุดิบและพลังงานทางเรือในภูมิภาคตะวันออกของอินเดีย
รัฐคุชราต ระบุพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ใน Kandla และมีแผนจัดทำนโยบายอุตสาหกรรมต่อเรือฉบับใหม่ พร้อมแผนพัฒนาอู่ต่อเรือใน Bhavnagar, Amreli และ Valsad โดยเน้นการผนวกกิจกรรมต่อเรือ ซ่อมแซม และรีไซเคิลเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน พร้อมการพัฒนาโครงสร้างการจัดการของเสียใน Alang ทั้งนี้ ยังมีการเตรียมเปิดนโยบาย dry dock และขยายการให้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบรัฐและกลางอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ กระทรวงฯ คาดการณ์ว่าความต้องการเรือภาครัฐและรัฐวิสาหกิจของอินเดียจะอยู่ที่ 207 ลำ รวม Gross Tonnage ราว 8.6 ล้านตัน จึงจำเป็นต้องมีคลัสเตอร์เพื่อรองรับการผลิตเรือภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงความต้องการจากหน่วยงานด้านปิโตรเลียม เหล็ก ปุ๋ย และรัฐวิสาหกิจเดินเรือของอินเดีย
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
การจัดสรรพื้นที่เพื่อจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่อเรือสะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลอินเดียในการยกระดับขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมต่อเรือของประเทศ ทั้งในด้านการผลิต ซ่อมแซม และการใช้พลังงานสีเขียว เพื่อลดการนำเข้าและเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จากนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลอินเดียอาจเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้
- อุตสาหกรรมต่อเรือ วัสดุอุปกรณ์ทางทะเล หรือระบบโลจิสติกส์ทางน้ำ - โดยการพิจารณาเข้าร่วมลงทุน หรือร่วมทุนกับพันธมิตรอินเดียในพื้นที่คลัสเตอร์ซึ่งเปิดให้เอกชนเข้าร่วมได้ระยะยาวถึง 99 ปี รวมไปถึงบริษัทไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุงและรีไซเคิลเรือ อาจพิจารณาขยายธุรกิจในรัฐคุชราตหรือโอริศาซึ่งมีนโยบายสนับสนุนด้านนี้อย่างเข้มแข็ง
- อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว หรือพลังงานทดแทน - โดยการนำเสนอเทคโนโลยีการจัดเก็บและขนส่งไฮโดรเจน หรือเทคโนโลยีเรือพลังงานสะอาดเพื่อใช้ในคลัสเตอร์ดังกล่าว
- ธุรกิจบริการด้านการศึกษา - โดยสถาบันการศึกษาและวิจัยของไทยอาจใช้โอกาสร่วมพัฒนาหลักสูตร อบรมแรงงานด้านต่อเรือ และถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับรัฐทมิฬนาฑูและรัฐมหาราษฏระ
แหล่งที่มา
1. The Hindu Business Line, "India earmarks 15,000 acres for coastal shipbuilding clusters, targets ₹1.5 lakh crore investment", 27 July 2025. https://www.thehindubusinessline.com/economy/logistics/india-earmarks-15000-acres-for-coastal-shipbuilding-clusters-targets-15-lakh-crore-investment/article69861328.ece
2. India Shipping News, "India earmarks 15,000 acres for coastal shipbuilding hubs to attract INR 1.5 lakh crore investment", https://indiashippingnews.com/india-earmarks-15000-acres-for-coastalshipbuilding-clusters-targets-%E2%82%B91-5-lakh-crore-investment-mopsw/, 27 July 2025.