fb
GDP อิตาลีอาจหดตัว 0.5% ในปี 2569 จากผลกระทบภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ 15%
โดย
kanchanokw@ditp.go.th
ลงเมื่อ 08 สิงหาคม 2568 20:30
11

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาง Ursula Von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ประกาศว่าทางสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงด้านภาษีนำเข้าเรียบร้อยแล้ว โดยภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากอียูจะถูกกำหนดไว้ที่อัตรา 15% (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป) ซึ่งถือเป็นเพดานภาษีขั้นสูงสุด และจะไม่มีการจัดเก็บเพิ่มเติมในอนาคต นาง Von der Leyen ยังระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกในยุโรป อีกทั้งยังได้บรรลุข้อตกลงยกเว้นภาษี (zero-for-zero tariff) สำหรับสินค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ยานพาหนะทางอากาศ สารเคมีบางประเภท เซมิคอนดักเตอร์ และทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น

ข้อตกลงนี้สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากอียูได้ตกลงที่จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) น้ำมัน และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ จำนวนมหาศาล เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของยุโรป และลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีการประกาศความร่วมมือด้านการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างทั้งสองฝ่ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ทำเนียบขาวเผยว่า ข้อตกลงนี้จะถือว่าสมบูรณ์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่ออียูตกลงที่จะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในวาระที่สองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เท่านั้น มิฉะนั้น อัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากอียูจะถูกปรับกลับไปที่ 35%

ณ ขณะนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (not legally binding) และมีลักษณะคล้ายกับแผนปฏิบัติการหรือ roadmap มากกว่า เนื่องจากอียูไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการบังคับหรือสั่งการให้ภาคเอกชนลงทุนในสหรัฐฯ ได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 อียูได้ประกาศระงับแผนการเก็บภาษีตอบโต้ต่อการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มายังอียูซึ่งเดิมมีกำหนดจะมีผลในวันที่ 7 สิงหาคมเป็นการชั่วคราวแล้ว

นาย Giancarlo Giorgetti รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของอิตาลี (MEF) ประเมินว่า ในสถานการณ์ที่ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อยู่ที่ 15% อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของอิตาลีในปี 2569 ลดลงสูงสุดรวม 0.5% นาย Giorgetti ยังได้ระบุว่า จากข้อมูลการส่งออกล่าสุดของสถาบันสถิติแห่งชาติอิตาลี (Istat) มูลค่าการส่งออกจากอิตาลีไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 8% ในไตรมาสแรกของปี 2568 แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการส่งออกสินค้าจากอิตาลีไปยังเอเชีย โดยเฉพาะจีน ที่หดตัวถึง 11% 

จากการวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยนโยบายระหว่างประเทศของของอิตาลี (ISPI) หากอัตราภาษีอยู่ที่ 15% ตัวเลข GDP ของอียูในปี 2568 โดยเฉลี่ยแล้วจะหดตัวที่ -0.21% โดยหดตัวมากที่สุดสำหรับประเทศเยอรมนี ที่ -0.29% รองลงมาคืออิตาลีที่ -0.17% ตามด้วยฝรั่งเศสที่ -0.11% เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับประเทศเหล่านี้ นอกจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าแล้ว ยังมีปัจจัยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งลดลงไปแล้ว 13% เมื่อเทียบกับเงินยูโร ทำให้สินค้าจากยุโรปมีราคาสูงขึ้นไปอีกสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน สำหรับผู้ส่งออกชาวอิตาเลียน ต้นทุนโดยรวมจึงขยายตัวถึง 21% เมื่อรวมทั้งภาษีและอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย

image.png

ผลกระทบของอัตราภาษีนำเข้า 15% ต่อผู้บริโภคในอิตาลี

 องค์กรผู้บริโภคของอิตาลี (Altroconsumo) ได้วิเคราะห์ว่าข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และอียูในขณะนี้ จะไม่มีผลโดยตรงต่อราคาสินค้าที่จำหน่ายในอิตาลีหรือในยุโรป แม้อาจมีผลกระทบทางอ้อมในระยะต่อไป เนื่องจากเป็นภาษีที่ใช้กับสินค้ายุโรปที่นำเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาจต้องจ่ายแพงขึ้น ก่อนหน้านี้ ภาษีนำเข้าสินค้ายุโรปของสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 5% (โดยเฉลี่ย และแตกต่างกันไปตามประเภทสินค้า) แต่สำหรับบางภาคส่วนและสินค้าบางรายการ อัตรานี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ตัวอย่างเช่น หากสินค้ายุโรปราคาขาย 100 ยูโร ผู้นำเข้าสหรัฐฯ เคยต้องจ่ายภาษี 5 ยูโร ปัจจุบันจะต้องจ่าย 15 ยูโร ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบด้านต้นทุน และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งออกของผู้ประกอบการยุโรป

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยผลกระทบทางอ้อมจากอินเดียและบราซิล นั่นคือ แม้ราคาสินค้าสหรัฐฯ ที่เข้ามาในยุโรปจะยังไม่เปลี่ยนแปลงโดยตรง แต่ก็ต้องพิจารณาผลกระทบทางอ้อมจากการที่สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มภาษีนำเข้าถึง 25–50% สำหรับประเทศผู้ส่งออกวัตถุดิบรายใหญ่ เช่น อินเดียและบราซิล วัตถุดิบเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าสหรัฐฯ ที่ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี และรองเท้ากีฬา ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคยุโรป รวมถึงชาวอิตาเลียน ต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย

ในส่วนของผลกระทบในระยะยาวต่อราคาสินค้าอิตาลี Altroconsumo ระบุว่า แม้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าในระยะยาว ผู้ผลิตชาวอิตาเลียนอาจปรับขึ้นราคาสินค้าในประเทศ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่งคือ การลดราคาสินค้าในตลาดยุโรป เพื่อระบายสต็อกส่วนเกินและกระตุ้นยอดขาย ซึ่งอาจเป็นอีกทางเลือกแทนการปรับขึ้นราคา

นอกจากนี้ แม้การนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐฯ จะไม่ใช่ผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้าสินค้า แต่ก็เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ยังไม่มีความแน่นอนระหว่างสหรัฐฯ และอียู โดยอียูตกลงนำเข้าก๊าซ LNG มูลค่ารวมประมาณ 750,000 ล้านยูโรภายในปี 2570 ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงมาก และยังมีข้อสงสัยว่าสหรัฐฯ จะสามารถส่งมอบได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากต้องใช้การขนส่งทางเรือแทนการนำเข้าผ่านท่อส่งจากรัสเซีย อาจนำไปสู่ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจในยุโรป รวมถึงอิตาลี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการในระยะยาวในหลายภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในขณะเดียวกัน ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตั้งภาษีนำเข้าสูงสุด 15% ต่อยาและเวชภัณฑ์จากยุโรป หากอัตรานี้มีผลบังคับใช้จริง แม้ราคายาในยุโรปอาจไม่เปลี่ยนแปลงทันที เนื่องจากระบบควบคุมราคาที่เข้มงวดโดยเฉพาะในอิตาลี แต่ในระยะยาวบริษัทเภสัชภัณฑ์อาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีความกังวลในหมู่นักลงทุนว่า ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท ราคาหุ้น หรือแนวโน้มการลงทุนโดยรวม ซึ่งอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการส่งออก การจ้างงาน และ GDP ของอิตาลี หากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดการบริโภคสินค้านำเข้าจากยุโรปเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น อุตสาหกรรมของอิตาลีก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งในแง่รายได้และการจ้างงานในประเทศ

ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน

1. เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 สหรัฐฯ ยังได้ประกาศบังคับใช้อัตราภาษีนำเข้าสำหรับไมโครชิป (microchip) และเซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor) จากยุโรปและอีกหลายประเทศสูงถึง 100% อัตรานี้สร้างความกังวลแก่โครงการ “Silicon Box” หรือโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตไมโครชิปขนาดใหญ่ ในเมือง Novara แคว้น Piemonte อิตาลี เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการลงทุนมูลค่ากว่า พันล้านยูโร (40% มาจากเงินสนับสนุนภาครัฐ) และสร้างงานถึง 1,600 ตำแหน่ง ทั้งนี้นาย Luca Caretti เลขาธิการสหภาพแรงงาน (Cisl) กล่าวว่าภาษี 100% สำหรับการผลิตไมโครชิปนอกสหรัฐฯ อาจทำให้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างไมโครชิปสะดุดตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมชี้ว่าอิตาลี โดยเฉพาะแคว้น Piemonte เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อันดับสามของยุโรป (มูลค่า 6–8 พันล้านยูโร ส่วนใหญ่เพื่อการส่งออก) 

2. ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับอียู ซึ่งฝั่งอียูคาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาประเด็นที่สำคัญ เช่น การเปิดตลาดสินค้าเกษตร การลดอุปสรรคทางการค้า และการพิจารณาเปิดตลาดสินค้ายุโรป รวมไปถึงประเด็นสำคัญอื่นๆ เช่น ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ความมั่นคง สิทธิมนุษยชน แรงงาน การกงสุลและการอำนวยความสะดวกของประชาชนทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการตรวจลงตรา (visa) ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยเฉพาะในสาขาความยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green transition) ได้ภายในปีนี้ คงเหลือประเด็นเล็กน้อยที่หารือกันต่อให้แล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2569 ซึ่งหากสำเร็จ คาดว่าสหภาพยุโรป/อิตาลี จะเป็นตลาดศักยภาพสำคัญของไทย ซึ่งจะมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอิตาลี ซึ่งในปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) ตลาดส่งออกของไทยอันดับที่ 5 ในสหภาพยุโรป (รองจากสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส)

3. ในปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกมายังอิตาลี มูลค่า 1,129.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 0.65% โดย สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังอิตาลีมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (มูลค่าการส่งออก 151.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว -0.76%) อัญมณีและเครื่องประดับ (มูลค่าการส่งออก 141.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.43%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (มูลค่าการส่งออก 119.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.30%) อาหารสัตว์เลี้ยง (มูลค่าการส่งออก 89.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.93%) และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (มูลค่าการส่งออก 66.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 58.78%)

ที่มา: 1. Dazi, Giorgetti: "Impatto su PIL limitato a 0,5 punti nel 2026 - La Repubblica

2. Statement by President von der Leyen on the deal on tariffs and trade with the United States - European Commission

3. Trump threatens EU with 35% tariffs if $600bn investment pledge unfulfilled - Euronews

4. The EU and US have shaken hands on a trade deal, but what's to come? - Euronews 

5. Dazi di Trump al 15%: l’impatto su Europa e Italia - ISPI 

6.Cosa può accadere con i dazi Usa del 15% sui prodotti Ue - Il Sole 24 Ore 

7. Photo by Nicolas Mejia on Unsplash 

8. Torino, i dazi di Trump colpiscono i chip, a rischio la fabbrica di Novara targata Silicon Box - Corriere Torino

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน 

8 สิงหาคม 2568


 

ข่าวเด่นประจำเดือนสิงหาคม 68 (ข่าวที่ 1).pdf
Share :
Instagram