fb
บังกลาเทศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือจิตตะกอง

บังกลาเทศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือจิตตะกอง

โดย
khemathata@ditp.go.th
ลงเมื่อ 29 กรกฎาคม 2568 00:13
46
1

ท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งเป็นท่าเรือหลักที่บริหารจัดการการนำเข้า-ส่งออกสินค้าถึง 93% ของบังกลาเทศ อยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการจัดการสินค้า อาจจะสูงถึง 70-100% ปรากฎในข่าวของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ The Financial Express และ The Business Standard การปรับขึ้นนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2529 ได้จุดประกายความกังวลในหมู่ผู้นำเข้า-ส่งออกเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายอยู่แล้ว รายงานนี้จะวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการค้าในบังกลาเทศ

1. เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม

               การพิจารณาปรับขึ้นค่าธรรมเนียมของท่าเรือจิตตะกอง เกิดจากความจำเป็นในการเพิ่มรายได้และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ ซึ่งจัดการการค้ากว่า 93% ของบังกลาเทศ รวมถึงสินค้าจำเป็นอย่างข้าวสาลี น้ำมันพืช และเครื่องจักรอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ท่าเรือให้เหตุผลว่าค่าธรรมเนียมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2529 นั้นล้าสมัยและไม่สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 ท่าเรือมีรายได้ 5,055 ล้านตากา (ประมาณ 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรส่วนเกินเพิ่มขึ้น 37% เป็น 2,948 ล้านตากา (ประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันว่าต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น จำเป็นต้องมีการปรับค่าธรรมเนียมเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาค

               นอกจากนี้ การบริหารจัดการท่าเรือโดยกองทัพเรือบังกลาเทศตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการตู้คอนเทนเนอร์รายวันขึ้นประมาณ 13% การปรับปรุงนี้ รวมถึงการพิจารณานำผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับท่าเรือให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันกับท่าเรือในภูมิภาค เช่น ท่าเรือโคลัมโบ (ศรีลังกา) และท่าเรือสิงคโปร์ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าท่าเรือจิตตะกองอย่างมาก

image.png

2. ข้อเสนอและการต่อต้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

                 ข้อเสนอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมได้รับการหารือในที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ที่กระทรวงการขนส่งทางน้ำ โดยมีตัวแทนจาก 28 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม การประชุมสิ้นสุดลงโดยไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย เนื่องจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก รวมถึงสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าของบังกลาเทศ คัดค้านข้อเสนอของการท่าเรือจิตตะกอง (CPA) โดยระบุว่าการขึ้นค่าธรรมเนียมถึง 70-100% นั้นไม่สมเหตุสมผลและอาจลดความสามารถในการแข่งขันของบังกลาเทศในภาคการค้าและโลจิสติกส์

image.png

                 ตัวอย่างเช่น การจัดการตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต (TEU) ในปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 ตากา (123 ดอลลาร์สหรัฐ) แต่ข้อเสนอใหม่ระบุว่าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 25,000-30,000 ตากา ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ท่าเรือจิตตะกองในปัจจุบัน แต่ยังต่ำกว่าท่าเรือโคลัมโบ (100 ดอลลาร์สหรัฐ) และท่าเรือสิงคโปร์ (75 ดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม ผู้นำธุรกิจ เช่น นายนูรุล เคยูม ข่าน ประธานสมาคมคลังสินค้าภายในของบังกลาเทศ เสนอว่าการปรับขึ้นเพียง 15% จะเหมาะสมกว่า เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากค่าเงินที่อ่อนลง ค่าขนส่งที่สูงขึ้น และความต้องการในตลาดที่ลดลง

image.png

3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภค

                การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือจิตตะกอง อาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจของบังกลาเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสำเร็จรูป (RMG) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของการส่งออกของประเทศ การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้าสำเร็จรูป อาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกของบังกลาเทศลดลง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงถึง 35% จากสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายเบลายัต ฮอสเซน อดีตผู้อำนวยการสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มแห่งบังกลาเทศ (BGMEA) เสนอว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมควรอยู่ในระดับ 10-20% เพื่อให้ธุรกิจสามารถรับมือได้

image.png

                 นักเศรษฐศาสตร์อย่างนายอนุ มูฮัมหมัด เตือนว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมอาจทำให้ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ซึ่งกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 9% มานานเกือบหนึ่งปี การขึ้นราคาสินค้าจำเป็น เช่น ข้าว (เพิ่มขึ้น 10 ตากาต่อกิโลกรัม) และน้ำมันพืช (เพิ่มขึ้น 20 ตากาต่อลิตร) จะยิ่งเพิ่มภาระให้กับประชาชนทั่วไป

image.png

4. ความพยายามในการปรับปรุงและการบริหารจัดการ

                เพื่อลดความกังวลต่อผลกระทบของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม รัฐบาลชั่วคราวของบังกลาเทศกำลังพิจารณานำผู้ประกอบการต่างชาติ เช่น บริษัท DP World จากดูไบ เข้ามาช่วยบริหารจัดการท่าเรือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งตามข้อมูลของธนาคารโลก คิดเป็น 4.5-4.8% ของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของบังกลาเทศ ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก การลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงเพียง 1% อาจเพิ่มความต้องการส่งออกได้ถึง 7.4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออกได้ถึง 19%

image.png

              นอกจากนี้ การอนุญาตให้เรือขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 200 เมตรและกินน้ำลึก 10 เมตร เข้ามาเทียบท่าได้ตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการลดความแออัดและต้นทุนการค้าต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าของบังกลาเทศ ซึ่งระบุว่าการใช้เรือขนาดใหญ่จะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าได้อย่างมาก

image.png

5. การตัดสินใจล่าสุดและความคืบหน้า

                เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ปรึกษาด้านการขนส่งทางน้ำ (เทียบเท่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) นายเอ็ม ซาคาวัต ฮอสเซน ประกาศว่าท่าเรือจิตตะกองจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ย 30% ซึ่งเป็นการลดลงจากข้อเสนอเดิมที่ 70-100% การปรับขึ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ รายได้ และประสิทธิภาพของท่าเรือภายใต้การบริหารจัดการของกองทัพเรือ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากการเดินทางไปตรวจท่าเรือและได้รับการยืนยันจากสื่อออนไลน์หลายแห่ง เช่น The Daily Sun, UNB และ Dhaka Tribune อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ยังคงได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้นำธุรกิจ ที่กังวลว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมจะเพิ่มต้นทุนการดำเนินงาน ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศ กำลังเผชิญกับความท้าทายจากอัตราเงินเฟ้อและนโยบายการค้าสหรัฐฯ รัฐบาลก็ยังยืนยันว่าการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยลดผลกระทบในระยะยาว

image.png

สรุป

              การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมท่าเรือจิตตะกองโดยเฉลี่ย 30% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสี่ทศวรรษ สะท้อนถึงความพยายามของบังกลาเทศในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและประสิทธิภาพของท่าเรือเพื่อแข่งขันในระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูง ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และความเปราะบางของภาคการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมอาจช่วยเพิ่มรายได้และปรับปรุงการบริหารจัดการท่าเรือ แต่ก็เสี่ยงที่จะเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคและลดความสามารถในการแข่งขันของการส่งออก การบริหารจัดการอย่างรอบคอบ รวมถึงการนำผู้ประกอบการต่างชาติที่มีประสบการณ์เข้ามา และการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบและรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของบังกลาเทศในระยะยาว

ที่มา: 

  • The Financial Express, “Ctg port tariffs poised for steep rise,” 18 กุมภาพันธ์ 2568 

  • The Business Standard, “Ctg port proposes 70%-100% tariff hike,” 16 มิถุนายน 2568 

  • Bangladesh Pratidin, “Chattogram port to raise tariffs by 30% in first adjustment since 1986,” 25 กรกฎาคม 2568 

  • The Financial Express, “Mixed signals from the economy,” 21 กรกฎาคม 2568 

  • The Financial Express, “Taking port capacity to next level,” 15 พฤษภาคม 2568 

  • The Financial Express, “Ctg port officially invites larger ships to dock,” 2568 

  • Dhaka Tribune, “Foreign operators may be engaged in managing operations at Chittagong port,” 25 กรกฎาคม 2568 

  • UNB, “Chattogram Port to increase tariff by 30 percent: Shipping Adviser,” 25 กรกฎาคม 2568

  • The Daily Sun, “Chattogram Port has decided to increase its tariff by an average of 30%,” 25 กรกฎาคม 2568

Share :
Instagram