ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางขณะนี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงและทวีความรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานของตลาดผลไม้อบแห้งทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศผู้นำเข้าอันดับต้นๆ อย่างอินเดีย ซึ่งนับเป็นหนึ่งในประเทศที่บริโภคและนำเข้าผลไม้อบแห้งมากที่สุดในโลก อินเดียกำลังเผชิญกับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน อันเนื่องมาจากวิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งสองกรณี ได้แก่
1.ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน: ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการค้าในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผลไม้อบแห้งที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศอิหร่าน อัฟกานิสถาน และประเทศใกล้เคียง ทั้งนี้ อิหร่านเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของถั่วพิสตาชิโอ มะเดื่อแห้ง และอินทผลัม ในขณะที่อัฟกานิสถานเป็นแหล่งสำคัญของลูกเกด แอปริคอต และอัลมอนด์ที่ส่งเข้าสู่ตลาดอินเดีย
2. การปิดเส้นทางขนส่งทางบกของปากีสถานที่เชื่อมต่อกับอินเดีย: อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ได้ตัดเส้นทางลำเลียงผลไม้อบแห้งจากอัฟกานิสถานเข้าสู่อินเดียซึ่งถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าบนบกที่สำคัญที่สุด โดยตามข้อตกลงการค้าเดิม ผลไม้อบแห้งจากอัฟกานิสถานในสัดส่วนที่มากจะถูกส่งผ่านชายแดนวาฆาของปากีสถานเข้าสู่อินเดีย แต่เส้นทางดังกล่าวถูกระงับอยู่ในขณะนี้
ผลจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ได้ทำให้ราคาผลไม้อบแห้งในตลาดอินเดียพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายงานจากภาคอุตสาหกรรมระบุว่า ราคาผลิตภัณฑ์หลายรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง 15% ถึงสูงสุดถึง 100% ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้ ผู้นำเข้าอินเดียกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่จากภาวะขาดแคลนสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความไม่ชัดเจนในเรื่องโครงสร้างภาษีนำเข้าต่อผลไม้อบแห้งที่มีแหล่งกำเนิดจากอัฟกานิสถาน ซึ่งถูกเปลี่ยนเส้นทางไปผ่านอิหร่าน ทำให้ขณะนี้รัฐบาลอินเดียยังอยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมต่อสินค้าดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์ของผู้ค้าในตลาดยิ่งซับซ้อน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการปรับขึ้นราคาอย่างฉับพลัน อย่างไรก็ดี วิกฤตการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ก่อให้เกิดผลกระทบแบบลูกโซ่ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เกษตรกรและผู้ค้าในประเทศผู้ผลิต ไปจนถึงตลาดค้าส่ง ผู้ค้าปลีก และในท้ายที่สุดคือผู้บริโภคชาวอินเดียที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
1. ตลาดผลไม้อบแห้งของอินเดียกำลังเผชิญแรงกดดันทั้งจากปัญหาโลจิสติกส์และความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าจากอัฟกานิสถานที่เปลี่ยนเส้นทางขนส่งผ่านอิหร่าน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลอินเดียจะคงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดียวกับเส้นทางผ่านปากีสถานหรือไม่ ในขณะเดียวกัน การผลิตในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากคลื่นความร้อน โดยเฉพาะในรัฐกรณาฏกะ ส่งผลให้ปริมาณลูกเกดและผลไม้อบแห้งลดลง ราคาจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ราคาลูกเกดในเมืองบังกะลอร์เพิ่มขึ้นจาก 3.35 เป็น 5.75 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัมภายในไม่กี่สัปดาห์ พร้อมกับราคาสินค้าประเภทที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอื่นเช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อินทผลัม และอัลมอนด์
2. วิกฤตการณ์ตลาดผลไม้อบแห้งของอินเดียมีสาเหตุหลักจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียและทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มสูงขึ้นจากการเปลี่ยนเส้นทางและค่าประกันภัยที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน บทบาทของอิหร่านในฐานะผู้ส่งออกหลักของถั่วพิสตาชิโอและอินทผลัม ทำให้ความไม่มั่นคงในประเทศส่งผลโดยตรงต่อราคาตลาดโลก ด้านปากีสถาน การปิดพรมแดนทางบกได้ตัดเส้นทางหลักของผลไม้อบแห้งจากอัฟกานิสถานเข้าสู่อินเดีย ทำให้ผู้ค้าต้องพึ่งพาเส้นทางเรือผ่านอิหร่านซึ่งมีต้นทุนสูงและซับซ้อนมากกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความท้าทาย
1. ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่ออินเดีย:
• ผู้นำเข้าและผู้ค้า: ต้องเผชิญกับราคานำเข้าที่สูงขึ้น ปริมาณสินค้าที่จำกัด และกรอบเวลาการส่งมอบที่ไม่แน่นอน
• ตลาดค้าส่ง: เกิดความผันผวนของราคาและมีการเก็งกำไรเพิ่มขึ้น
• ผู้บริโภคปลายทาง: ต้องรับภาระราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ความต้องการของตลาดมีการบริโภคสูง
• รัฐบาลอินเดีย: กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้รักษาเสถียรภาพของราคาในตลาด และเร่งออกมาตรการหรือแนวทางที่ชัดเจนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นภาษีนำเข้าสินค้าจากอัฟกานิสถาน
2. ผลกระทบในระดับโลก : วิกฤตการณ์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความขัดแย้งระดับภูมิภาคสามารถรบกวนการไหลเวียนของสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แผ่ขยายออกไปไกลเกินกว่าพื้นที่ความขัดแย้งโดยตรง โดยประเทศผู้นำเข้าอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง ตลอดจนบางส่วนของยุโรป ต่างก็เริ่มรับรู้ถึงผลกระทบทางอ้อมจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อคิดเห็น
1. ในช่วงปี 2566-2567 ตลาดผลไม้อบแห้ง ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ด้วยปริมาณการขนส่ง 2,908 Shipments ด้วยอัตราการเติบโตที่หดตัว 19% ซึ่งจากข้อมูลหน่วยงานวิชาการ Volza การส่งออกเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ขยายตัว 40% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่มีการฟื้นตัว ด้วยวิกฤตการณ์ตลาดผลไม้อบแห้งของอินเดียที่กำลังประสบในขณะนี้ นับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกนอกพื้นที่ความขัดแย้ง เช่น ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ เข้ามาทดแทนสัดส่วนช่องว่างของตลาด โดยสถานการณ์นี้อาจผลักดันให้ประเทศต่างๆ ต้องกระจายแหล่งนำเข้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดที่ขาดนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่ชัดเจน และสำหรับประเทศไทยซึ่งมีการผลิตผลไม้อบแห้งที่มั่นคงและตั้งอยู่ใกล้กับอินเดีย ก็มีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
2. โอกาสทางการค้าของผลไม้อบแห้งไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพและสะดวกในการบริโภค แม้ไทยจะมีตลาดจีนเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการขยายธุรกิจ ขณะที่ตลาดอินเดียก็มีศักยภาพสูงสำหรับผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งที่มีมาตรฐานคุณภาพและได้รับการรับรองความปลอดภัย ผู้ประกอบการไทยควรเน้นการพัฒนานวัตกรรมในกระบวนการผลิต การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
3.จากข้อมูลการนำเข้าของอินเดียในปี 2568 (ม.ค.– มี.ค.) ภายใต้รหัส HS 0813 (ผลไม้อบแห้งไม่รวมใน HS 0801–0806 รวมถึงส่วนผสมของถั่วและผลไม้อบแห้ง) อินเดียมีมูลค่านำเข้า 4.20 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ อัฟกานิสถาน สูงสุดที่ (3.16 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามด้วย อิหร่าน และตุรกี โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 11 ด้วยมูลค่านำเข้าเพียง 881 เหรียญสหรัฐ เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงส่วนแบ่งตลาดที่ต่ำมากของไทยในกลุ่มสินค้า HS 0813 นี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งนำเข้าหลัก เช่น อัฟกานิสถานและอิหร่าน ไทยจึงมีโอกาสในการขยายตลาดผ่านผลิตภัณฑ์เฉพาะ เช่น มะม่วงอบแห้ง กล้วย และมะพร้าวอบแห้ง แอพริคอตหรือลูกพรุนอบแห้ง โดยเฉพาะหากสามารถแข่งขันด้านราคาและคุณภาพ พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยในตลาดอินเดีย เจาะตลาดพรีเมียม และการใช้ประโยชน์จาก FTA หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้มากขึ้น
ที่มา: 1. • https://economictimes.indiatimes.com/news/economy/foreign-trade/conflict-may-trigger-dry-fruit-price-rise/articleshow/121837498.cms
2.https://gagab2b.com/import-export-news/import-export-india-news/conflict-may-trigger-dry-fruit-price-rise/