งานแสดงสินค้าระดับนานาชาติด้านอาหาร TUTTOFOOD กลับมาอีกครั้งที่เมืองมิลานระหว่างวันที่ 5-8 พฤษภาคม 2568 โดยจัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 150,000 ตารางเมตรของศูนย์จัดแสดง Rho Fiera Milano ครอบคลุม 10 อาคารแสดงสินค้า โดยบริษัทกว่า 5,000 รายเข้าร่วมจัดแสดงสินค้า ซึ่ง 25% เป็นบริษัทจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน สเปน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น รวมถึงไทย มีผู้เข้าชมมากกว่า 95,000 ราย และดึงดูดผู้ซื้อกว่า 3,000 รายจากทั่วโลกผ่านความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของอิตาลี (Italian Trade Agency) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับให้เป็นผู้นำโลกด้านงานแสดงสินค้าอาหารที่เน้นย้ำนวัตกรรมและความยั่งยืน พร้อมส่งเสริมแนวคิดการผลิตและกระจายอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ ท่ามกลางยุคของกำแพงภาษีและข้อจำกัดทางการค้า ปีนี้เป็นปีแรกที่ TUTTOFOOD 2025 ขยายรูปแบบงานเป็น TUTTOFOOD Week ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-8 พฤษภาคม 2568 โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ทั่วทั้งเมืองมิลาน ปีนี้ยังมีการเปิดตัวนิตยสารอย่างเป็นทางการ TUTTOFOOD Mag ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับโภชนาการ โดยเชฟระดับมิชลิน นักโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์ และศิลปินชื่อดัง
Mr. Antonio Cellie ประธานบริษัท Fiere di Parma ซึ่งอยู่เบื้องหลังการจัดงานฯ กล่าวว่า TUTTOFOOD เป็นงานแสดงสินค้าที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองมิลานและอิตาลี และคาดว่าในปีนี้ ทั้ง TUTTOFOOD 2025 และ TUTTOFOOD Week จะสร้างรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมถึง 150 ล้านยูโรให้แก่พื้นที่เมืองมิลาน ปีนี้ทางบริษัทยังมีเป้าหมายผลักดันให้ TUTTOFOOD เป็นงานแสดงสินค้าอาหารใหญ่เป็นอันดับสองของโลกภายในปี 2571 รองจาก Anuga (งานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก จัดขึ้นที่เยอรมนี) อีกทั้ง ทีมผู้จัดงานยังมีแผนที่จะจัดโรดโชว์ทั่วโลกเพื่อพบปะผู้ประกอบการและพันธมิตรในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ โดยจะเริ่มที่งาน PLMA ที่อัมสเตอร์ดัมในวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2568 ต่อด้วย THAIFEX ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 งาน Fancy Food ที่นิวยอร์ก (29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2568) และงาน Anuga เมืองโคโลญ (20-25 ตุลาคม 2568)
งานแสดงสินค้า TUTTOFOOD 2025 แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ (1) ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม (dairy products) (2) เนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์แปรรูป (3) ของชำ น้ำมัน และเครื่องปรุงรส (4) เบเกอรีและขนมขบเคี้ยว (5) อาหารแช่แข็ง เช่น อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้แช่แข็งและแปรรูป (6) กาแฟและเครื่องดื่ม (7) โซนพิเศษ มีการนำเสนอหลายรูปแบบ เช่น ปีนี้มีการเปิดตัว Mixology Experience ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม น้ำ น้ำอัดลม เบียร์ และ Spirits เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปีนี้ TUTTOFOOD 2025 จะเน้นให้ความสำคัญกับ Foodservice หรือ Catering ซึ่งถือเป็นภาคส่วนที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพเป็นอย่างมาก มุ่งเน้นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารอิตาเลียนต่างๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกของประเทศ บริษัทสตาร์ทอัพด้านอาหาร และยังมีการจัดกิจกรรมมอบรางวัล “Better Future Award” ที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารที่มีนวัตกรรมโดดเด่น รวมไปถึงการมอบรางวัลด้านจริยธรรมและความยั่งยืน (Ethics and Sustainability) และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเลิศ (Packaging Innovation) เป็นต้น
อุตสาหกรรมอาหารในอิตาลี: ตัวเลขที่น่าสนใจ และพฤติกรรมผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 สหพันธ์ผู้ประกอบการร้านอาหารของอิตาลี (FIPE) เปิดเผยรายงานภาคธุรกิจร้านอาหารประจำปี 2567 รายงานดังกล่าวสะท้อนภาพรวมของปีที่มีการเติบโตในระดับปานกลาง โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการฟื้นตัวในปี 2566 แต่ยังคงมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ท้าทายผู้ประกอบการ รายงานชี้ว่า ภาคธุรกิจร้านอาหาร (ristorazione) มีมูลค่ารวม 59.3 พันล้านยูโรในปี 2567 ขยายตัวขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่การบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นแตะระดับ 96 พันล้านยูโร (+1.6% ในเชิงปริมาณ) แม้ยังต่ำกว่าช่วงก่อนที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ถึง 6% อย่างไรก็ตาม จำนวนกิจการในภาคธุรกิจลดลงเหลือ 328,000 แห่ง (-1.2%) โดยเฉพาะร้านกาแฟและบาร์ที่หดตัวลงถึง 3.3% สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและความยากลำบากของกิจการขนาดเล็ก
แม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัว แต่ราคาสินค้าและบริการในธุรกิจร้านอาหารยังคงสูงขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่า 3% ลดลงจาก 5.8% ในปี 2566 ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาบริการในภาคนี้เพิ่มขึ้นรวม 14.6%
กิจการต่างๆ ในอุตสาหกรรมอาหารของอิตาลีกว่า 40% มีการลงทุนอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2 พันล้านยูโร โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและนวัตกรรมภายในธุรกิจ ด้านการจ้างงานมีแนวโน้มสดใส จำนวนแรงงานในอุตสาหกรรมอาหารแตะ 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2567 โดยเป็นแรงงานประจำมากกว่า 1.1 ล้านคน (+6.7% หรือเพิ่มขึ้น 70,000 คน)
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังได้นำเสนอทิศทางและแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน ได้แก่
1. อาหารเพื่อสุขภาพครองใจผู้บริโภค
แนวโน้มแรกที่ชัดเจนคือความต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและมองหาอาหารที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยวัตถุดิบที่แปลกใหม่แต่ส่งเสริมสุขภาพ
2. ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ
ผู้บริโภคไม่ได้มองแค่ว่าอาหารนั้นอร่อยหรือมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังประเมินจากผลกระทบที่อาหารมีต่อสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการบริโภคจึงเริ่มโน้มเอียงไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีที่มาชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรม และมีผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด
3. เปลี่ยนสมดุลการรับประทานอาหารในบ้าน-นอกบ้าน
อีกหนึ่งแนวโน้มที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต ปัจจุบันมื้ออาหารที่บ้านมักตอบโจทย์ความสะดวกและความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ขณะที่การรับประทานอาหารนอกบ้านกลับเป็นพื้นที่ตอบสนองความต้องการทางสังคมและการพบปะสังสรรค์มากยิ่งขึ้น
ในด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ในปี 2567 มูลค่าการบริโภคอาหารทั้งหมดในอิตาลีแตะ 292 พันล้านยูโร แบ่งเป็นการบริโภคในบ้าน 196 พันล้านยูโร และนอกบ้าน 96 พันล้านยูโร โดยตลาดอาหารนอกบ้านยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวในระดับราคาคงที่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างสมบูรณ์ โดยยังคงต่ำกว่าระดับปี 2562 อยู่ราว 6%
ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2567 ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในร้านอาหารและโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ
สคต. ณ เมืองมิลาน เยี่ยมชมงานฯ TUTTOFOOD 2025 พร้อมพบปะผู้ประกอบการไทย
ในโอกาสนี้ นางสาวอนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ได้เข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า TUTTOFOOD 2025 และพบปะผู้ประกอบไทยที่มาเข้าร่วมงาน ได้แก่ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด ผู้ส่งออกและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซอสพริกศรีราชาตราห่านบิน (Flying Goose Brand) และบริษัท ซันไพรซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ส่งออกและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป ผลไม้แห้ง ผลไม้เคลือบช๊อคโก-แลต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้พบปะบริษัทอิตาเลียนที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารไทย ได้แก่
– บริษัท Dave’s SRL : นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Mogu Mogu และขนมทานเล่น
– บริษัท Oscar’78 SRL : นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารไทยแบรนด์ SIAM
– บริษัท Comavicola SPA : นำเข้าและจัดจำหน่ายปลาหมึกแช่แข็งจาก บริษัท เทพพิทักษ์ มารีน จำกัด
– บริษัท Global Trading SRL : นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Mogu Mogu เครื่องดื่มไวตามิลค์ ฯลฯ
ความคิดเห็นของ สคต. ณ เมืองมิลาน
1. ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 (เดือนมกราคม-เดือนมีนาคม) การส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยไปยังอิตาลี มีมูลค่า 56.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +1.25% ซึ่งถือว่ายังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี แม้จะอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งด้านการค้าจากนโนบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าหลักที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (มูลค่าการส่งออก 2.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +182.01%) สิ่งปรุงรสอาหาร (มูลค่าการส่งออก 1.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +8.5%) สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่น ๆ (มูลค่าการส่งออก 0.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +36.98%) ผักกระป๋อง และผักแปรรูป (มูลค่าการส่งออก 0.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +49.72%) และ โกโก้และของปรุงแต่ง (มูลค่าการส่งออก 0.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +67.2%) ซึ่งหากมีการเร่งขยายสัดส่วนการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ให้เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยมายังอิตาลีได้เพิ่มขึ้นด้วย
2. สหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรฐาน/ยุทธศาสตร์ Farm to Fork Strategy ซึ่ง EU ได้เริ่มปรับใช้ตั้งแต่ปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบการผลิตอาหารที่เป็นธรรมและดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการปลูก การแปรรูป การบริโภค ไปจนถึงการกำจัดขยะอาหาร และระบุว่า อาหารนำเข้าจะต้องได้มาตรฐานตามกฎระเบียบของ EU ในด้านสวัสดิการสัตว์ ผู้ผลิตจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใน EU Veterinary Medical Products Regulation 2019 อย่างเคร่งครัด และมีการลดการใช้ยาฆ่าแมลงและวัชพืช ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่มีความสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
3. ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสของงานแสดงสินค้า TUTTOFOOD เข้าร่วมงานเพื่อสำรวจโอกาสตลาดและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคในอิตาลี/ยุโรป รวมถึงอัพเดทแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารไทย ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน และมีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องกระแสรักสุขภาพ ความยั่งยืน และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen ที่พร้อมเปิดรับและทดลองอาหารจากต่างประเทศมากขึ้น
4. ผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าร่วมแสดงสินค้า TUTTOFOOD ยังสามารถขอรับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยการสมัครขอเข้าร่วมโครงก่าร SMEs Pro-active ได้ รายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://smesproactive.ditp.go.th/ และรายละเอียดของงานแสดงสินค้าทางเว็บไซต์ www.tuttofood.it
5. การขยายตัวของสินค้าอาหารไทย สะท้อนถึงความต้องการสินค้าอาหารไทยที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับจำนวนร้านอาหารไทยที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน อิตาลีมีจำนวนร้านอาหารไทยที่ได้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT แล้วจำนวน 13 ราย และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้
ที่มา: 1. Il mondo del cibo torna a Milano con Tuttofood 2025 – ANSA
2. Chiude Tuttofood, 95 mila visitatori, 25% operatori dall’estero – ANSA
3. Ristorazione: cresce l’occupazione ma calano le imprese – Confcommercio
3. Farm to Fork strategy – European Commission
Thai Trade Center - Milan
12 พฤษภาคม 2568
Department of International Trade Promotion (Headquarter)
563 Nonthaburi Road, Bang Kra Sor, Amphur Muang, Nonthaburi 11000, Thailand
Phone: +66 2507 7999
Email: saraban@ditp.go.th
User Online : 4 | Visitors : 7634610
Copyright © 2023
Department of International Trade Promotion