ร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ต Føtex และ Bilka ในเครือบริษัท Salling Group ปรับตัวตามพฤติกรรมการบริโภคแอลกอฮอล์ที่เปลี่ยนไป ด้วยการเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีแนวโน้มลดการบริโภคแอลกอฮอล์ และมีความต้องการทางเลือกที่หลากหลายขึ้น
บริษัท Salling Group ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ต Føtex และ Bilka ได้สังเกตเห็นว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลือกไวน์ตามความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่คนในครอบครัวหรือเพื่อนอาจต้องการดื่มไวน์คนละประเภท หรือเพียงต้องการดื่มเพียงแก้วเดียวโดยไม่ต้องเปิดขวดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์นี้ Føtex และ Bilka จึงได้เปิดตัวไวน์ขวดขนาดครึ่งหนึ่งของขวดขนาดปกติ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกไวน์ได้ตามความต้องการของตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สามารถลองไวน์หลายชนิดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเท่ากับการซื้อขวดใหญ่
ผู้อำนวยการฝ่ายหมวดหมู่สินค้า (Category Director) ของ Salling Group กล่าวว่า บริษัทต้องการให้สินค้าตรงกับแนวโน้มของผู้บริโภค และการเปิดตัวไวน์ขวดเล็กเป็นการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของรสนิยมไวน์ของลูกค้า เช่น การเปลี่ยนจากการบริโภคไวน์แดง ไปสู่ไวน์ขาวมากขึ้น นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าใหม่นี้จะมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้งจากแบรนด์เดิมที่มีอยู่แล้ว และไวน์ตัวใหม่ที่น่าสนใจ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ต Føtex ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน 2568 และที่ Bilka ในเดือนสิงหาคมปีนี้
นอกจากแนวโน้มที่ลูกค้าดื่มไวน์ในปริมาณน้อยลงแล้ว อัตราการบริโภคแอลกอฮอล์โดยรวมยังลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่าคนรุ่นก่อนหน้า ข้อมูลนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมไวน์ทั่วโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติจากการบริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับพฤติกรรมดังกล่าว Føtex และ Bilka จึงได้ขยายหมวดหมู่สินค้าทางเลือกไร้แอลกอฮอล์มากขึ้น
ในปี 2024 ยอดขายเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ของบริษัท Salling Group เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น คริสต์มาส หรือช่วงหลังปีใหม่ เท่านั้น แต่เป็นการเติบโตตลอดทั้งปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง Føtex และ Bilka จึงได้เพิ่มพื้นที่ชั้นวางสินค้าสำหรับกลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ รวมถึงการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่รวมถึง non – alcohol ไวน์ แต่ยังครอบคลุมเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น Sparkling Tea, Mojito Mocktail และ non – alcohol Limoncello เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่มากขึ้น ซึ่งการเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เหล่านี้เป็นก้าวสำคัญในการตอบสนองต่อแนวโน้มการบริโภคที่เปลี่ยนไปในเดนมาร์ก
ที่มา: Salling Group
บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มที่พบในงานแสดงสินค้าอาหาร และเครื่องดื่ม Madværkstedet ณ กรุงโคเปนเฮเกน เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยวิทยากรผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารบริษัทเครื่องดื่ม non-alcohol ISH ได้กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มเครื่องดื่ม non-alcohol ไม่เพียงแต่ในร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น แต่ปรากฎความต้องการทั้งในโรงแรม ร้านอาหาร สำนักงานต่างๆ ในเดนมาร์กที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี อุปทานสินค้าในตลาดยังมีไม่มาก และเห็นช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มสินค้านี้ โดยกระแสความนิยมการบริโภคเครื่องดื่ม non – alcohol ดังกล่าวมีปัจจัยด้านสุขภาพเป็นแรงขับเคลื่อนหลักซึ่งนำไปสู่ยุคใหม่ของการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิต
แนวโน้มนี้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้านสวีเดน ที่รายงานจาก The Swedish Council for Information on Alcohol and Other Drugs (CAN) ระบุว่า อัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวีเดนลดลง 2.3% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคไวน์ที่ลดลงประมาณสองขวดต่อคนต่อปี โดยแนวโน้มนี้เด่นชัดในกลุ่มผู้บริโภคชาย และยังมีกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มงดเว้นแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยทางเศรษฐกิจ และกระแสความนิยมการใส่ใจรักษาสุขภาพเป็นสาเหตุสำคัญ
Department of International Trade Promotion (Headquarter)
563 Nonthaburi Road, Bang Kra Sor, Amphur Muang, Nonthaburi 11000, Thailand
Phone: +66 2507 7999
Email: saraban@ditp.go.th
User Online : 0 | Visitors : 8087010
Copyright © 2023
Department of International Trade Promotion