fb
ตลาดน้ำมันรำข้าวในญี่ปุ่น ใกล้แตะ 2 หมื่นล้านเยน

ตลาดน้ำมันรำข้าวในญี่ปุ่น ใกล้แตะ 2 หมื่นล้านเยน

ลงเมื่อ 05 สิงหาคม 2568 11:45
26
G-ฉบับที่ 45 วันที่ 2-8 สิงหาคม 2568.jpg

                   น้ำมันรำข้าว หรือ こめ油 ซึ่งได้มาจากการสกัดรำข้าว กำลังได้รับความนิยมในญี่ปุ่นในฐานะน้ำมันสารพัดประโยชน์ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น รสชาติที่ดีและอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน ทำให้ตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มูลค่าตลาดน้ำมันรำข้าวสำหรับการบริโภคในครัวเรือนทะยานขึ้นไปจนเกือบถึงระดับ 2 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 4.4 พันล้านบาท) และปริมาณการบริโภคน้ำมันดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้จะมีการคาดการณ์ว่าตลาดยังคงสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่ก็มีความกังวลเรื่องการจัดหาวัตถุดิบหลักอย่าง “รำข้าว” อย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิต
              ในปี 2567 มูลค่าตลาดน้ำมันรำข้าวสำหรับการบริโภคในครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 1.9 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 4.2 พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นราวๆ 10% เมื่อเทียบกับปี 2566 และยอดขายโดยรวมก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เช่นกัน แม้จะอยู่ในกลุ่มสินค้าราคาพรีเมียม แต่น้ำมันรำข้าวก็ได้รับความนิยมในรูปแบบการใช้งานทั่วไปเช่นเดียวกับน้ำมันคาโนลาและน้ำมันสลัด และยังเป็นสินค้าเพียงประเภทเดียวในกลุ่มน้ำมันราคาพรีเมียมที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับน้ำมันในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ 
ในร้านค้าปลีกเองก็มีแนวโน้มขยายจำนวน Stock Keeping Unit (SKU) อย่างชัดเจน น้ำมันรำข้าวจึงกลายเป็นสินค้าที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด รองลงมาจากน้ำมันมะกอก (ประมาณ 4.6 หมื่นล้านเยน หรือ ราวๆ 1 หมื่นล้านบาท) น้ำมันงา (ประมาณ 3.8 หมื่นล้านเยน หรือ ราวๆ 8.4 พันล้านบาท) และน้ำมันคาโนลา (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านเยน หรือ ราวๆ 8 พันล้านบาท) ในตลาดน้ำมันสำหรับการบริโภคในครัวเรือน

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
           ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรำข้าวรายสำคัญให้กับญี่ปุ่น โดยในปี 2567  ไทยส่งออกน้ำมันรำข้าวไปยังญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้นราวๆ 1.6 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 3.6 พันล้านเยน (ประมาณ 792 ล้านบาท) อ้างอิงจากรหัสศุลกากร HS Code 1515.90.410 และ 1515.90.420
หลายๆ น้ำมันรำข้าวของไทยสามารถพบได้ในญี่ปุ่น ทั้งที่ปรากฏภายใต้ตราสินค้าของตนเองและที่ผลิตในรูปแบบแบรนด์ของห้าง (Private Brand) เช่น CGC Group และ Beisia อีกทั้งน้ำมันดังกล่าวจากไทยยังเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง Tsuno Food Industrial Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของวงการน้ำมันรำข้าวในญี่ปุ่น ใช้ในกระบวนการผลิตอีกด้วย เนื่องจากญี่ปุ่นประสบปัญหาเรื่องการจัดสรรข้าวในประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 ความต้องการในน้ำมันรำข้าวจากไทยจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต. 
           น้ำมันรำข้าวที่ผลิตในประเทศมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมากกว่าน้ำมันรำข้าวจากต่างประเทศ ดังนั้น การตั้งราคาขายของน้ำมันรำข้าวจากไทยในตลาดญี่ปุ่นควรต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาด
ผู้ประกอบการไทยที่กำลังวางแผนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น ควรศึกษาข้อมูลราคาขายน้ำมันรำข้าวแบ่งตามแหล่งผลิต (ในประเทศและต่างประเทศ) เพื่อวางแผนการพัฒนาสินค้าและการตั้งราคาอย่างเหมาะสม
อีกจุดสำคัญที่ทำให้น้ำมันรำข้าวได้รับความนิยมในครัวเรือนญี่ปุ่นคือ คุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้น หากสามารถแสดงข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์หรือผลการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ตนเองได้ ก็จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้สินค้าต่อสายตาของผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์ The Japan Food Journal ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม 2568
ภาพประกอบข่าวจากเว็บไซต์ 
https://item.rakuten.co.jp/irisplaza-r/7251792/ 

ฉบับที่ 45 วันที่ 2-8 สิงหาคม 2568.pdf
Share :
Instagram