Mr. Frederick Ma ประธาน Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่เกิดจากสงครามภาษีระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน อาจส่งผลต่อการขยายธุรกิจและทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงเติบโตช้าลงในช่วงที่เหลือของปี 2568 อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังในเชิงบวก “สหรัฐอเมริกา-จีน อาจหาทางบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ก่อนสิ้นปีนี้เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งอัตราภาษีที่สูงจนเกินไปอาจเป็นตัวบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศและเกิดปัญหาเงินเฟ้อภายใน”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้าจากกว่า 60 ประเทศ รวมถึงจีน (54%) ที่มีผลในเดือนสิงหาคม 2568
นักวิเคราะห์ยังได้กล่าวว่าการที่สหรัฐอเมริกาตัดสินใจระงับกฏ "de minimis" ซึ่งเดิมอนุญาตให้พัสดุขนาดเล็กที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหากยกเลิกอาจส่งผลกระทบอีคอมเมิร์ซทั่วโลก เพราะไปรษณีย์ต้องปรับระบบและขั้นตอนการทำงานใหม่เพื่อให้จัดเก็บภาษีต่อกฏใหม่
ความไม่แน่นอนในยุคของประธานาธิบดี Trump ซึ่งส่งผลให้การดำเนินธุรกิจกลายเป็นเรื่องยากในโลก และนี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดที่กำลังส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและจะทำให้ธุรกิจเสียหายอย่างหนัก
เศรษฐกิจของฮ่องกงมีการเติบโต 3.1% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งมาจากการเร่งส่งออกสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ที่จะเกิดขึ้น แต่ฮ่องกงอาจเกิด "การชะลอตัว" ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งในด้านการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่ง Mr. Ma กล่าวเพิ่มเติมว่าสถานการณ์ในฮ่องกงในปัจจุบันถือว่าดีกว่าหลายๆ ที่ โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญอย่างสถานะท่าเรือเสรี หลักการปกครอง "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และการสนับสนุนจากจีน
Mr. Ma. อายุ 73 ปี มีประสบการณ์ด้านธนาคารและการเงิน และเคยดำรงตำแหน่งประธานบริษัท MTR Corporation ก่อนที่จะเข้ามาบริหาร HKTDC โดยเขาได้ให้ข้อคิดเห็นถึงความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในปีนี้ โดยความคืบหน้าทางจีนประกาศว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายระยะเวลา "พักรบด้านภาษีศุลกากร" ออกไปอีก 90 วัน ในขณะที่ มุมมองของสหรัฐฯ จีนมีอำนาจและแข็งแกร่ง จนไม่สามารถกดดันจีน หากประธานาธิบดี Trump เพิ่มภาษีสูงมากกับจีน ผลกระทบเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เอง และอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยต้องปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าสหรัฐฯ ได้มีการประเมินสถานการณ์ทั้งหมดและหาทางออกที่สมเหตุสมผลมากขึ้น
ทั้งนี้ Mr. Ma พูดถึงความมั่นใจต่อตลาดการเงินของฮ่องกงดีอย่างน้อยจนถึงปีหน้า ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากบริษัทจำนวนมากที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในฮ่องกง แต่แนวโน้มระยาวยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการชี้แจงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ถูกกำหนดจากปักกิ่ง ซึ่งบังคับใช้มาเป็นเวลา 5 ปี และยังคงก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ระดับนานาชาติ "กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการฟื้นฟูสถานการณ์ด้านความปลอดภัยและความมั่งคงในฮ่องกง”
ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
ฮ่องกงยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการเงินและการค้าของจีนอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบันกำลังเผชิญความท้าทายใหม่จากการที่สหรัฐอเมริกาเพ่ิมอัตราภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ในภาวะเช่นนี้ ประเทศไทยมีโอกาสสำคัญที่จะโชว์ศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมทั้งมีความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยสามารถเร่งพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตสินค้า นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การส่งออก ตอบสนองความต้องการระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ