fb
อัตราภาษีศุลกากรใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อประเทศคู่ค้า

อัตราภาษีศุลกากรใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อประเทศคู่ค้า

โดย
suwaparbs@ditp.go.th
ลงเมื่อ 30 กรกฎาคม 2568 11:00
89

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าผลักดันมาตรการภาษีนำเข้าอย่างแข็งกร้าวอีกครั้ง โดยมีแผนปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ธุรกิจในสหรัฐฯ และผู้บริโภคอเมริกันโดยตรง

image.png

     อัตราภาษีนำเข้าสินค้าต่างประเทศ 15% ดูเหมือนจะกลายเป็นอัตราภาษีศุลกากรขั้นพื้นฐานใหม่ โดยสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นได้ตกลงยอมรับอัตรานี้แล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สำหรับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ หลายประเทศยังไม่ชัดเจน ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาเป็น 35% จากระดับปัจจุบันที่ 25% หากทั้ง 2 ประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคมนี้ ขณะเดียวกัน ข้อตกลงหยุดเก็บภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นเวลา 90 วันก็กำลังจะหมดอายุในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจทำให้ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

     นอกจากนี้ ยังคงมีคำถามที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีในแต่ละอุตสาหกรรม โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปที่แถลงไม่ตรงกันว่าสุดท้ายแล้วสหภาพยุโรปจะยังต้องจ่ายภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ เต็มรูปแบบหรือไม่

สรุปสถานะอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าหลัก 

สหภาพยุโรป (E.U.)

     ประธานาธิบดีทรัมป์และคณะกรรมาธิการยุโรปประกาศข้อตกลงเบื้องต้นที่กำหนดอัตราภาษีศุลกากรพื้นฐานที่ 15% สำหรับสินค้าจากยุโรปส่วนใหญ่ แม้อัตรานี้จะสูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 10% แต่ก็ต่ำกว่าภาษี 30% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่จะใช้ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหภาพยุโรปยังตกลงจะซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 750,000 ล้านเหรียญสหรัฐในระยะเวลา ปี และลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

image.png

แคนาดาและเม็กซิโก

      แม้แคนาดาและเม็กซิโกจะเป็นประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ แต่ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกก็ยังเผชิญกับอัตราภาษีที่สูง     ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศ โดยอ้างว่าทั้งคู่ไม่ได้ช่วยสหรัฐฯ อย่างเพียงพอในการแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิล อย่างไรก็ตาม หลังเผชิญเสียงวิจารณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เลื่อนและปรับโครงสร้างภาษีเพื่อยกเว้นสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามไว้ในวาระแรก

     นอกจากนี้ แคนาดายังคงถูกขู่เก็บภาษีที่ 35% ส่วนเม็กซิโกที่ 30% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่าภาษีนี้จะใช้กับสินค้าที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA 

image.pngimage.png

สหราชอาณาจักร

     ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรที่ได้เริ่มบังคับใช้แล้ว สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ของอังกฤษมายังสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% ส่วนสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหราชอาณาจักรได้รับการยกเว้นภาษี 25% และรถยนต์ 100,000 คันแรกในแต่ละปีของสหราชอาณาจักรที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีเพียง 10% แต่รถยนต์คันต่อๆ ไปจะต้องเจอกับภาษี 25% เหมือนรถยนต์นำเข้าจากประเทศอื่นๆ

image.png

 

 

จีน

     ในเดือนพฤษภาคม 2025 สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงระงับการเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูง (เคยสูงถึง 145%) เป็นเวลา 90 วัน โดยภายใต้ข้อตกลงชั่วคราวนี้สหรัฐอเมริกากำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไว้ที่ 30% เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอัตราภาษี 30นี้จะหมดอายุในช่วงกลางเดือนสิงหาคม แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะระบุว่าอาจเลื่อนวันออกไปได้เมื่อการเจรจายังคงดำเนินต่อไป แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าอัตราภาษีอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งหากไม่มีข้อตกลงใหม่

image.png

ญี่ปุ่น

     สินค้าญี่ปุ่นที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 15% ลดลงจาก 25% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่จะใช้ หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงกันในเดือนกรกฎาคม โดยญี่ปุ่นระบุว่าอัตราภาษีนำเข้า 15% นี้จะครอบคลุมถึงรถยนต์ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้รถยนต์ญี่ปุ่นต้องจ่ายภาษีนำเข้า 25% จากที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดไว้กับรถยนต์นำเข้าทั่วโลก ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไรจากการลงทุนดังกล่าวถึง 90

image.png

เวียดนาม

     จากข้อตกลงการค้าที่ประกาศในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม สินค้าจากเวียดนามจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 20% ซึ่งสูงขึ้นจาก 10% ที่ใช้ก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าระดับ 46% ที่สหรัฐฯ เคยประกาศจะเรียกเก็บจากเวียดนาม นอกจากนี้ สินค้าจากประเทศอื่นที่ถูกส่งผ่านเวียดนามมายังสหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 40% เพื่อจัดการกับปัญหาการส่งผ่านสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่มีต้นกำเนิดจากจีน

image.png

ไต้หวัน

     ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าไต้หวันเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากเดิม 10% ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยสินค้าเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางประเภท เช่น ไอโฟน จะยังคงได้รับการยกเว้นในกรณีที่มีการขึ้นภาษี

image.png

     ขณะที่หลายประเทศได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ แล้ว ประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่มีข้อตกลง อาทิ ประเทศไทย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเร่งเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยหากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด สินค้าไทยอาจถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 36% ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ รายได้จากภาษีนำเข้าสินค้ามาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้นโยบายภาษีใหม่ โดยภาคธุรกิจในสหรัฐฯ เป็นผู้รับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีบางบริษัทที่วางแผนส่งผ่านต้นทุนเหล่านี้ไปยังผู้บริโภคผ่านการขึ้นราคาสินค้าแล้วก็ตาม

image.png

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

ข้อมูลอ้างอิง Wall Street Journal

Share :
Instagram