fb
เดนมาร์กขึ้นเป็นผู้นำ EU ครึ่งปีหลัง 2025 เน้นยุทธศาสตร์สีเขียวและความมั่นคง

เดนมาร์กขึ้นเป็นผู้นำ EU ครึ่งปีหลัง 2025 เน้นยุทธศาสตร์สีเขียวและความมั่นคง

โดย
Anchaleela@ditp.go.th
ลงเมื่อ 23 กรกฎาคม 2568 21:20
30

เดนมาร์กเริ่มดำรงตำแหน่งประธานสภาสหภาพยุโรป (EU Presidency 2025) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 เป็นเวลา เดือน จนถึงกำหนด 31 ธันวาคม 2568 โดยสรุปนโยบายหลัก7 ด้านสำคัญ ของเดนมาร์กในช่วงระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานสหภาพยุโรป ปี 2025 ดังนี้

1. ความมั่นคงและกลาโหม: ผลักดันเป้าหมายกลาโหมของยุโรปที่เป็นอิสระอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2030     ส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และบูรณาการยูเครนเข้ากับระบบกลาโหมของสหภาพยุโรป โดยสนับสนุนความร่วมมือกับ NATO และการช่วยเหลือยูเครนอย่างต่อเนื่อง

2. การขยายสมาชิกภาพและอำนาจอธิปไตยเชิงกลยุทธ์: สนับสนุนให้เปิดการเจรจารับยูเครน มอลโดวา และประเทศแถบบัลข่านเข้าเป็นสมาชิก EU รวมทั้งสนับสนุนการปฏิรูประบบภายในสหภาพเพื่อเตรียมรับสมาชิกใหม่

3. การเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เดินหน้ามาตรการ “Fit for 55” และเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนลง 90% ภายในปี 2040 สนับสนุนพลังงานสะอาด อุตสาหกรรมสีเขียว การขนส่งไร้คาร์บอน และเศรษฐกิจหมุนเวียน

4. การแข่งขันทางเศรษฐกิจและแรงงาน: ลดภาระกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นเพื่อส่งเสริมธุรกิจ ผลักดันระบบแรงงานเคลื่อนย้ายอย่างเป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน สนับสนุนการพัฒนาทักษะและสุขภาวะของแรงงาน

5. การขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาการขนส่งข้ามพรมแดนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เจรจาข้อตกลงใหม่ด้านโครงสร้างพื้นฐานกับยูเครนและมอลโดวา

6. ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์: ส่งเสริมกรอบจริยธรรมด้าน AI และความมั่นคงทางไซเบอร์ เสนอให้มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลจากการใช้ deepfake โดยให้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพใบหน้า

7. การอพยพและชายแดน: เสนอแนวคิดจัดตั้งศูนย์ส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองนอกเขต EU เสนอการตีความกฎหมายสิทธิมนุษยชนยุโรปใหม่เพื่อควบคุมการอพยพอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้เดนมาร์กยังให้ความสำคัญกับการปฏิรูปด้านสุขภาพ ความมั่นคงทางยา และการควบคุมสารเคมี เช่น PFAS ผ่านการปรับปรุงกฎหมาย REACH ซึ่งโดยรวม เดนมาร์กมุ่งสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคง ความยั่งยืน และความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของยุโรปในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: Dansk IndustriMinistry of Higher Education and ScienceMinistry of Foreign Affairs of Denmarkthe Danish presidency of the Council of the European Unionthe Council of the EU and the European CouncilStatsministeriet และ Beskæftigelsesministeriet

บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:  

ตลาดเดนมาร์กและกลุ่มประเทศนอร์ดิก (ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์) มีมาตรฐานการค้าและสิ่งแวดล้อมสูง โดยเดนมาร์กให้ความสำคัญกับการควบคุมสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น PFAS การผลักดันการปรับปรุงกฎหมาย REACH รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นคงทางยาและสุขภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่มาตรการควบคุมสารตกค้าง และข้อกำหนดด้านการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าที่เข้มงวดขึ้น 

อย่างไรก็ดี ในอีกมุมหนึ่ง การที่เดนมาร์กเน้นเรื่องความยั่งยืน การลดการปล่อยคาร์บอน และความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน เป็นทั้ง "ความท้าทาย" และ "โอกาส" สำหรับผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่มีมาตรฐาน BCG (Bio-Circular-Green Economy) และมีการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Carbon Footprint, EU Organic, หรือ Thai Green Label สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ในชีวิตประจำวันที่ผลิตด้วยกระบวนการที่ปลอดภัย ยั่งยืน และตรวจสอบได้ มีแนวโน้มได้รับการยอมรับและขยายโอกาสทางการค้าในภูมิภาคนอร์ดิกซึ่งผู้บริโภคมีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพสูงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผู้ส่งออกไทยอาจสามารถปรับตัว โดยอาจเพิ่มการลงทุนในระบบตรวจสอบย้อนกลับและการลดสารตกค้าง ตลอดจนพิจารณาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปราศจาก PFAS หรือสารเคมีต้องห้าม ขณะเดียวกันอาจสร้างจุดขายด้านความยั่งยืน ผ่านการสื่อสารแบรนด์อย่างโปร่งใส ซึ่งจะช่วยให้ไทยรักษาส่วนแบ่งตลาด และยกระดับการส่งออกไปสู่คุณภาพที่เป็นที่ยอมรับของยุโรปในระยะยาว

DK EU Presidency.pdf
Share :
Instagram