fb
การกระทบกระทั่งทางการเมืองระหว่างอินเดีย-บังกลาเทศบานปลาย สะเทือนการค้า

การกระทบกระทั่งทางการเมืองระหว่างอินเดีย-บังกลาเทศบานปลาย สะเทือนการค้า

ลงเมื่อ 13 สิงหาคม 2568 10:20
55

อินเดียห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ปอกระเจาจากบังกลาเทศผ่านชายแดนทางบก อนุญาตเฉพาะท่าเรือ Nhava Sheva

           อินเดียจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากปอกระเจาจากบังกลาเทศให้เหลือเฉพาะท่าเรือ Nhava Sheva เท่านั้น และห้ามนำเข้าสินค้าเหล่านี้ผ่านท่าเรือชายแดนทางบกทุกแห่ง การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นสองเดือนหลังจากที่มีการกำหนดข้อจำกัดในลักษณะเดียวกันต่อเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากประเทศเพื่อนบ้าน

           กระทรวงพาณิชย์ของอินเดียออกประกาศเมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่า การนำเข้าใยปอกระเจาทั้งแบบฟอกสีและไม่ฟอกสี รวมถึงเชือก เส้นด้าย ถุง และกระสอบที่ทำจากปอกระเจาจะไม่ได้รับอนุญาต “จากท่าเรือชายแดนทางบกใด ๆ บนพรมแดนอินเดีย-บังกลาเทศ” และจะอนุญาตให้เฉพาะผ่านท่าเรือ Nhava Sheva ในรัฐมหาราษฏร์เท่านั้น

           การตัดสินใจนี้มีขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียด ซึ่งย่ำแย่ลงหลังจากที่นางชีค ฮาซินา (Sheikh Hasina) อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกขับออกจากตำแหน่งโดยการประท้วงที่นำโดยนักศึกษาในเดือนสิงหาคม 2567 และรัฐบาลชั่วคราวภายใต้การนำของนายมูฮัมหมัด ยูนุส (Muhammad Yunus) เข้ามาบริหารประเทศ

           การจำกัดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่ออุดช่องว่างบางประการที่ยังคงอยู่หลังจากการกำหนดข้อจำกัดต่อผลิตภัณฑ์ปอกระเจาจากบังกลาเทศเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ตามข้อมูลจากบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม

           เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 อินเดียจำกัดการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากบังกลาเทศให้เหลือเฉพาะท่าเรือโกลกาตาและ Nhava Sheva และห้ามนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคหลายประเภทผ่านจุดผ่านแดนทางบก 11 แห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อตอบโต้ข้อจำกัดที่กรุงธากากำหนด

           ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 อินเดียยุติข้อตกลงเกือบห้าปีที่อนุญาตให้มีการขนส่งต่อเนื่องสินค้าส่งออกของบังกลาเทศไปยังประเทศที่สามผ่านสนามบินและท่าเรือของอินเดีย

           รายงานในสื่อบังกลาเทศอ้างแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมว่า มีเพียง 1% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์ปอกระเจาไปยังอินเดียที่ขนส่งทางทะเล ส่วนที่เหลือส่งผ่านจุดผ่านแดนทางบก ข้อจำกัดใหม่นี้ปิดกั้นเส้นทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการส่งออกเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง

           ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการส่งออก (Export Promotion Bureau) ของบังกลาเทศ การส่งออกของบังกลาเทศไปยังอินเดียในปีงบประมาณ 2566-2567 มีมูลค่า 1.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าจากอินเดียมีมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ขั้นกลาง

           เจ้าหน้าที่ระบุว่า ฝ่ายอินเดียจำเป็นต้องกำหนดข้อจำกัดเพื่อตอบโต้การที่บังกลาเทศกำหนดข้อจำกัดท่าเรือต่อการส่งออกของอินเดีย โดยเฉพาะที่จุดศุลกากรชายแดนและจุดตรวจรวม (integrated check posts) ซึ่งติดกับเจ็ดรัฐตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการใช้มาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษีอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอินเดีย ตัวอย่างเช่น บังกลาเทศหยุดการนำเข้าเส้นด้ายจากอินเดียผ่านท่าเรือทางบกตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 และการส่งออกของอินเดียต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก

           ฝ่ายอินเดียยังไม่พอใจต่อคำพูดของนายยูนุสในระหว่างการประชุมธุรกิจในจีน ซึ่งดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จากความโดดเดี่ยวทางภูมิศาสตร์ของรัฐตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย (รัฐ 7 สาวน้อย) ขณะแสวงหาการลงทุนจากจีน นายยูนุสกล่าวว่ารัฐตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศเกือบ 1,600 กิโลเมตร ไม่มีทางออกสู่มหาสมุทรนอกจากผ่านบังกลาเทศ “นี่เป็นการเปิดโอกาสมหาศาล ภูมิภาคนี้อาจเป็นส่วนขยายของเศรษฐกิจจีน” เขากล่าว

           เพื่อตอบโต้นายยูนุส นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) กล่าวในภายหลังว่ารภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ “เป็นหัวใจของ Bimstec” นายเอส ใจศังกร (S Jaishankar) รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ยังกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของ Bimstec ว่ารัฐตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียสามารถกลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค

           แหล่งที่มาข่าว/ภาพ: 

           - Hindustan Times, “India bars jute import from Bangladesh via land, permits only Nhava Sheva port,” 12 สิงหาคม 2568 (https://www.hindustantimes.com/india-news/india-bars-jute-import-from-bangladesh-via-land-permits-only-nhava-sheva-port-101723529093113.html)

การกระทบกระทั่งทางการเมืองระหว่างอินเดีย-บังกลาเทศบานปลาย สะเทือนการค้า.pdf
Share :
Instagram