fb
S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนระดับ “A+” พร้อมมุมมองเสถียรภาพ

S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนระดับ “A+” พร้อมมุมมองเสถียรภาพ

โดย
sirinanw@ditp.go.th
ลงเมื่อ 14 สิงหาคม 2568 15:56
10

เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือสากล S&P ตัดสินใจคงอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน พร้อมมุมมอง “มีเสถียรภาพ” (Stable Outlook) โดยบริษัท S&P ได้เผยแพร่รายงาน ซึ่งคงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนที่ระดับ “A+” และให้มุมมอง “มีเสถียรภาพ” สะท้อนถึงการยอมรับในความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน รวมถึงความสามารถในการควบคุมหนี้สิน และยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเชิงบวกของจีน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 รัฐบาลจีนได้ตอบสนองอย่างแข็งขันต่อสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการดำเนินนโยบายแบบผสมผสานอย่างเหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจจีนเดินหน้าอย่างมั่นคง ตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ศักยภาพการผลิตคุณภาพใหม่พัฒนาไปในทิศทางบวก การสนับสนุนด้านความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการเสริมสร้างมากขึ้น และเศรษฐกิจจีนได้แสดงให้เห็นถึงพลังและความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน เศรษฐกิจจีนเติบโตร้อยละ 5.3 ในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากปีก่อน ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2568 เป็นร้อยละ 4.8 สูงกว่าที่เคยคาดไว้ในเดือนเมษายนถึงร้อยละ 0.8 

สำหรับครึ่งปีหลัง นโยบายมหภาคของจีนจะยังคงเสริมสร้างและปรับเพิ่มความเข้มข้นตามความเหมาะสม ในขณะเดียวกันจะคงความต่อเนื่องและเสถียรภาพของนโยบาย เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการคาดการณ์ มุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน ภาคธุรกิจ ตลาด และความเชื่อมั่น ส่งเสริมการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ และพยายามบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดทั้งปี เพื่อปิดฉากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 อย่างสมบูรณ์

ในระยะยาว เศรษฐกิจจีนมีรากฐานที่มั่นคง มีจุดแข็งมากมาย ความยืดหยุ่นสูง และศักยภาพมหาศาล ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูงกำลังสะสมเพิ่มขึ้น ข้อได้เปรียบของระบบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะแบบจีน ขนาดตลาดที่ใหญ่ ระบบอุตสาหกรรมที่ครบวงจร และทรัพยากรบุคคลและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ล้วนเป็นหลักประกันที่แข็งแกร่งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ในอนาคต จีนจะยังคงเสริมสร้างแรงขับเคลื่อนจากภายในสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ ศึกษาและปรับนโยบายสำรองอย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในพลังของจีนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของโลก

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของ สคต. ณ นครเฉิงตู 

การที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของจีนอันดับ “A+” และมุมมอง “Stable” หมายถึง นักลงทุนและตลาดการเงินสากลยังมองว่าจีนมีความสามารถชำระหนี้และรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้ดี สะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนยังมีความแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก (เช่น ความตึงเครียดทางการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก) ส่งผลให้ยังคงสร้างความเชื่อมั่นต่อเงินทุนไหลเข้า การลงทุนจากต่างประเทศ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในทิศทางบวก

ในขณะที่สัญญาณเชิงเศรษฐกิจจากข้อมูลครึ่งปีแรกของจีน ที่ GDP ขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.3 สูงกว่าปีก่อน และสูงกว่าที่ IMF คาดไว้ในตอนแรก ทำให้จีนยังคงใช้นโยบายมหภาคเชิงรุก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคภายใน แสดงว่าจีนยังเป็น “เครื่องยนต์หลัก” ของเศรษฐกิจโลก และจะยังเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับการค้าระหว่างประเทศ

 ผลต่อประเทศไทยในเชิงบวก อาทิ ความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยอาจฟื้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหารแปรรูป และสินค้าวัตถุดิบอุตสาหกรรม นักลงทุนจีนอาจมีความมั่นใจมากขึ้นในการขยายธุรกิจหรือร่วมทุนในไทย (โดยเฉพาะใน EEC และภาคโลจิสติกส์) และต่อเนื่องไปยังภาคการท่องเที่ยวจีนที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นตามไปด้วย หากเศรษฐกิจจีนแข็งแรงต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันมีความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยในประเด็นที่ว่าจีนอาจเร่งส่งออกแข่งขันกับไทยในตลาดโลก หากการบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นเต็มที่ (เช่น ยางพารา ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารทะเล) ราคาสินค้าจีนที่แข่งขันสูงอาจกดดันผู้ประกอบการไทยในบางอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการไทยต้องเฝ้าระวังความผันผวนค่าเงินหยวน ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าและความสามารถแข่งขัน

 ทั้งนี้ ผลต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกในเวทีการค้าระหว่างประเทศ อาจนำไปสู่โอกาสการขยายตลาดจีน โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าที่ตรงกับนโยบายเศรษฐกิจจีน เช่น พลังงานสะอาด อาหารเพื่อสุขภาพ วัตถุดิบอุตสาหกรรม จะมีช่องทางเติบโตต่อไป นอกจากนี้แล้วการส่งเสริมความร่วมมือด้าน Supply Chain จีนยังต้องพึ่งพาวัตถุดิบบางชนิดจากไทย เช่น ยางพารา เคมีภัณฑ์ เกษตรแปรรูป ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้ประโยชน์จาก FTA และ RCEP เพื่อเพิ่มความได้เปรียบด้านภาษีและลดต้นทุนการส่งออก

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ผู้ประกอบการไทยควรวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการปรับสินค้าให้ตรงกับรสนิยมผู้บริโภคจีน เช่น เพิ่มคุณภาพบรรจุภัณฑ์ การตลาดผ่านโซเชียลจีน (WeChat, Douyin) เน้นสินค้าที่จีนไม่สามารถผลิตเองได้ง่าย เช่น ผลไม้เมืองร้อน อาหารพรีเมียม วัตถุดิบเฉพาะทาง รวมถึงการสร้างพันธมิตรในจีน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ และควรเน้นกลยุทธ์การกระจายตลาด ที่ไม่ควรพึ่งพิงจีนเพียงประเทศเดียว แต่ควรใช้จีนเป็นศูนย์กลางต่อยอดไปตลาดเอเชียกลางและยุโรปตะวันออกผ่าน Belt and Road Initiative (BRI)

-----------------------------------

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

สิงหาคม 2568

แหล่งข้อมูล 

Ministry of Finance WeChat

Share :
Instagram