ตามรายงานของสำนักข่าวออนไลน์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาข้าวอิหร่านในตลาดพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 3,500,000 เรียลอิหร่าน เพิ่มขึ้นกว่า 85% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผู้ตรวจสอบจากกระทรวงเกษตรได้พบตัวอย่างข้าวอิหร่านที่มีราคาสูงกว่า 3,400,000 เรียลอิหร่านต่อกิโลกรัม โดยราคาที่เพิ่มขึ้นนี้ โดยเฉพาะในช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวภายในประเทศได้สร้างความกังวลอย่างมากให้กับผู้บริโภค
สำนักข่าว ISNA รายงานว่า นาย Mohammad Mokhtarian ประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้จัดหาข้าวแห่งอิหร่าน ได้กล่าวถึงสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวว่า ในตลาดข้าวมีผลิตภัณฑ์อยู่สองประเภท คือ ข้าวที่ผลิตในประเทศและข้าวนำเข้า โดยข้าวนำเข้าส่วนใหญ่เป็นข้าวจากอินเดียคิดเป็น 80% ของข้าวนำเข้าทั้หมด โดยราคาข้าวอินเดียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้ในช่วงสงครามก็ไม่ได้เผชิญกับความผันผวน อยู่ที่ 600,000 เรียลต่อกิโลกรัม แต่ราคาสูงสุดที่ข้าวประเภทนี้จำหน่ายในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 700,000 เรียลอิหร่านต่อกิโลกรัม ขณะที่ ข้าวอิหร่านและข้าวนำเข้าจากปากีสถาน เพิ่มขึ้นในช่วงสงคราม จึงส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดด้วย
Mokhtarian กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดข้าวว่า โชคดีที่ในขณะนี้ราคาข้าวอิหร่านมีแนวโน้มที่จะลดลงด้วยอัตราที่เหมาะสม และเนื่องจากภายในสองสัปดาห์หน้าจะมีผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาด อัตราการลดลงของราคาจะยิ่งรวดเร็วขึ้น และราคาข้าวจะถึงระดับที่สมดุล ประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้จัดหาข้าวแห่งอิหร่านเน้นย้ำว่า ราคาข้าวฮาเชมีจะลดลงอยู่ที่ 2,500,000 เรียลต่อกิโลกรัม
Mokhtarian กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้วเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรระบุว่าการผลิตข้าวอยู่ที่ 2.7 ล้านตัน แต่จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเลขการผลิตจริงนั้นต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรประกาศไว้มาก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ฝ่ายส่งเสริมการเพาะปลูกของกระทรวงเกษตรคาดการณ์ปริมาณการผลิตไว้ที่ 1.6 ถึง 1.8 ล้านตัน ซึ่งดูเหมือนเป็นตัวเลขที่สมจริงและสมเหตุสมผล และปริมาณการผลิตในปีที่แล้วก็น่าจะอยู่ในระดับนี้เช่นกัน
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวในปีที่แล้ว การคำนวณปริมาณขาดแคลนข้าวที่ผิดพลาดเนื่องจากข้อมูลการผลิตที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้การประเมินปริมาณข้าวนำเข้าไม่แม่นยำ และทำให้ตลาดข้าวทั้งหมดเกิดความปั่นป่วน Mokhtarian เน้นย้ำว่า ปีที่แล้วมีการถกเถียงหลายครั้ง โดยเฉพาะกับประธานศูนย์สถิติและเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวงเกษตรในรายการวิทยุเศรษฐกิจ แต่ไม่ยอมถอยจากตัวเลขที่ประกาศไว้ เขากล่าวถึงความผิดพลาดอื่นๆ ในตลาดข้าวว่า น่าเสียดายที่มีการกีดขวางการนำเข้าข้าวขาว ซึ่งหากไม่มีการขัดขวางดังกล่าวและมีการนำเข้าข้าวขาวปากีสถานมากขึ้น เราคงไม่เห็นการขึ้นของราคาข้าว
ประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้จัดหาข้าวแห่งอิหร่านกล่าวถึงประเด็นการกักตุนข้าว โดยยืนยันว่าหากมีใครกักตุนข้าว แน่นอนว่าต้องทำเพื่อผลกำไรทางเศรษฐกิจ และถ้าบุคคลนั้นไม่นำข้าวออกจำหน่ายในช่วงสงครามที่ราคาสินค้าสูงมาก แล้วเขาจะเลือกจำหน่ายเมื่อไหร่? โดยเฉพาะเมื่ออีกสองสัปดาห์ข้างหน้าจะมีผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดและราคาจะลดลง ดังนั้นประเด็นการกักเก็บข้าวจากปีที่แล้วไว้ในโกดังจึงไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ดีข้อกล่าวหานี้ไม่ถูกต้อง และข้าวทั้งหมดได้ถูกบริโภคไปแล้ว
อย่างไรก็ดี มีการกล่าวว่าการขึ้นราคาข้าวไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เพราะเกษตรกรไม่ได้กำไรเพิ่มขึ้นจากราคาข้าวในตลาดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้นาย Mokhtarian อธิบายว่า จากการประสานงานกับเกษตรกรในภาคเหนือ ไม่เห็นเกษตรกรคนใดที่ขายผลผลิตส่วนใหญ่ของตนในช่วงต้นฤดู เกษตรกรมักจะขายผลผลิตบางส่วนในช่วงต้นฤดู และเก็บบางส่วนไว้เพื่อขายในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงสิ้นปี ดังนั้นการกล่าวว่าเกษตรกรไม่ได้กำไร จึงไม่ใช่คำกล่าวที่ถูกต้อง