fb
สหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าแคนาดาเป็น 35% เริ่ม 1 ส.ค. นี้

สหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าแคนาดาเป็น 35% เริ่ม 1 ส.ค. นี้

โดย
petrad@ditp.go.th
ลงเมื่อ 11 กรกฎาคม 2568 14:00
7

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกรฏาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายแจ้งต่อรัฐบาลแคนาดาว่า ทางการจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาร้อยละ 35 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป แม้ว่า ขณะนี้ จะยังไม่ครบกำหนดวันที่ทั้งสองประเทศจะสามารถเจรจาหาบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ร่วมกัน

การประกาศขึ้นภาษีสินค้าดังกล่าวได้เผยแพร่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของผู้นำทรัมป์ โดยมีใจความว่า สหรัฐฯ ได้ทำการส่งจดหมายถึงผู้นำคู่ค้าประเทศต่างๆ มากกว่า 20 ประเทศ เพื่อแจ้งว่า หากประเทศใดไม่มีข้อตกลงค้ากับสหรัฐฯ ภายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ สินค้าจากประเทศนั้นจะได้รับการเก็บภาษีตามอัตราที่กำหนดในจดหมายไว้ รวมไปถึง สหรัฐฯ จะพิจารณาเก็บภาษีศุลกากรแบบเหมารวมร้อยละ 15 หรือ 20 กับประเทศที่ยังไม่ได้รับการแจ้งเตือนด้วย

ปัจจุบันสหรัฐฯ มีการจัดก็บภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากแคนาดาในอัตราร้อยละ 25 ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าเหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์ จนมีผลกระทบทางลบต่ออุตสาหกรรมข้างต้น และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่า ภาษีนำเข้าสินค้าอัตราร้อยละ 35 จะครอบคลุมสินค้าทั้งหมดจากแคนาดาหรือไม่ หรือเป็นการขึ้นภาษีในกลุ่มสินค้าที่กำลังเรียกเก็บอยู่แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ การเก็บภาษีศุลกากร (tariff) สำหรับสินค้าจากแคนาดาในอัตราร้อยละ 35นับเป็นการยกระดับสงครามการค้าที่รุนแรงมากกับเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ

 

ด้านายมาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้ลงโพสต์ในสื้อโซเชียล X ว่า ทางรัฐบาลจะพยายามปกป้องแรงงานและอุตสาหกรรมการผลิตของแคนาดาไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาการค้าเพื่อหวังบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 21 กรกฎาคม ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราภาษีใหม่ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่า จะไม่เป็นผลดีสำหรับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องและประชากรของทั้งสองชาติ

image.png

เหตุผลสำคัญของการขึ้นภาษีจากแคนาดา คือ การที่ทรัมป์กล่าวหาแคนาดาว่า ไม่สามารถควบคุมการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเฟนทานิล (fentanyl)ไปยังสหรัฐฯ ได้ แม้จะมีหลักฐานแสดงว่า สารเฟนทานิลที่เข้ามายังสหรัฐฯ ผ่านแคนาดาเป็นเพียงส่วนน้อยมาก รวมไปถึงเมื่อต้นปี 2568 แคนาดายังประกาศเพิ่มงบประมาณสำหรับความมั่นคงชายแดน และแต่งตั้งผู้ควบคุมเฟนทานิล เพื่อตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของทรัมป์ด้วยแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จตามที่สหรัฐฯ ต้องการ

วามเห็นสคต. ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่สหรัฐฯ ประกาศออกมานั้น สร้างความไม่แน่นอนต่อธุรกิจในแคนาดาและความผันผวนของตลาดทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากต้นทุนสินค้าและราคาสินค้าจำหน่ายที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจกลับได้รับความเสียหายมากกว่าประโยชน์ อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการรับมือจากการไม่แน่นอนการค้ากับสหรัฐฯ ผู้ส่งออกแคนาดาส่วนใหญ่ที่เคยพึ่งพาสหรัฐฯ มากถึง 75% ของยอดส่งออก ปัจจุบันมีการลดลงเหลือประมาณ 68% แล้ว โดยหันไปเน้นการจำหน่ายในตลาดใหม่ อาทิ อังกฤษ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศในแถบเอเชีย รวมไปถึงการปรับแผน sourcing ซัพพลายเออร์ใหม่แทนที่สหรัฐฯ ในการนี้ จึงเกิดเป็นโอกาสของภาคส่งออกไทยที่จะสามารถขยายฐานลูกค้ามายังแคนาดา เพื่อมาทดแทนตลาดสหรัฐฯ ได้ในอนาคต

Share :
Instagram