แฟชั่นจีนปี 2025: สไตล์ลำลองมาแรง ออนไลน์ครองตลาด
เทรนด์และสไตล์เสื้อผ้าที่กำลังมาแรงในตลาดจีน
จากรายงานข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายของจีนปี 2025 ชี้ให้เห็นว่า แฟชั่นได้กลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมยุคใหม่ โดยมีแบรนด์ดีไซเนอร์เกิดขึ้นมากมายเพื่อนำเสนอเทรนด์การแต่งกายสู่ตลาดโลก ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีมา การตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ผสานกับการก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ได้ผลักดันให้ “เครื่องแต่งกายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (เสื้อผ้าที่ยั่งยืน)” และ “เสื้อผ้าอัจฉริยะ” เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ และเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ให้กับอุตสาหกรรม
ที่มาภาพ: https://www.iimedia.cn/c400/105173.html
ข้อมูลจากรายงานของ iiMedia ระบุว่า บรรดาสไตล์เครื่องแต่งกายหลากหลายรูปแบบนั้น สไตล์ลำลอง (Casual Style) ครองอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนร้อยละ 36.93 ซึ่งเป็นสไตล์ที่ผู้บริโภคจีนชื่นชอบมากที่สุด สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความต้องการความสบายในการแต่งกายในชีวิตประจำวัน ส่วนการเลือกใช้วัสดุ วัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวอย่างผ้าฝ้ายได้รับความนิยมสูงสุดถึงร้อยละ 32.06 ซึ่งยืนยันถึงความชื่นชอบของชาวจีนที่มีต่อเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าฝ้าย
นักวิเคราะห์จาก iiMedia Research มองว่าในอนาคต บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าจะยังคงลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งในด้านการออกแบบที่จะผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายและเทรนด์แฟชั่น เพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่มีเอกลักษณ์และแตกต่าง ไปจนถึงการนำวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษมาใช้ เพื่อยกระดับทั้งคุณภาพและมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าที่ย่อยสลายได้เอง ผ้าเปลี่ยนสีอัจฉริยะ หรือผ้าที่มีฟังก์ชันตรวจสอบสุขภาพ ฯลฯ จะถูกนำมาใช้ในวงการเสื้อผ้าอย่างแพร่หลายในไม่ช้า
ช่องทางและปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจีน
ที่มาภาพ: https://www.iimedia.cn/c400/105173.html
ผลสำรวจเผยว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (เช่น Taobao และ JD.com) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ผู้บริโภคใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า โดยมีสัดส่วนสูงสุดถึงร้อยละ 46.46 ตามมาด้วยแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น (เช่น Douyin และ Kuaishou) เป็นอันดับสองที่ร้อยละ 41.23 และแพลตฟอร์มแบ่งปันเนื้อหา (เช่น Xiaohongshu, Weibo) อยู่ในอันดับสามที่ร้อยละ 36.00 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการซื้อ
ที่มาภาพ: https://www.iimedia.cn/c400/105173.html
สำหรับช่องทางการซื้อ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรยังคงเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้ โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 51.10 ขณะที่แพลตฟอร์มออนไลน์เฉพาะทาง (เช่น Vipshop, Mogujie) อยู่ในอันดับสองที่ร้อยละ 36.00 และ แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น (เช่น Douyin) ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายอย่างรวดเร็วด้วยสัดส่วนร้อยละ 35.42 นอกจากนี้ ร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ของแบรนด์เองก็มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 30.66 และ ร้อยละ 32.64 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนช่องทางการขายที่สมดุลของแบรนด์ต่าง ๆ
ที่มาภาพ: https://www.iimedia.cn/c400/105173.html
เมื่อพิจารณาถึงประเภทสินค้า รองเท้า เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงสุด ด้วยสัดส่วนการซื้อถึงร้อยละ 70.38 ตามมาด้วย เสื้อผ้า ที่ร้อยละ 62.95 ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อเป็นประจำ
ที่มาภาพ: https://www.iimedia.cn/c400/105173.html
ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเสื้อผ้าคือ ความสบาย ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50.64 ตามมาด้วย เนื้อผ้า ที่ ร้อยละ 45.41 และ รูปแบบ/ดีไซน์ ที่ร้อยละ 44.83 นอกจากนี้ ราคาและฝีมือการตัดเย็บก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการพิจารณาซื้อสินค้า
ข้อคิดเห็นของสคต.เซี่ยงไฮ้
จากผลสำรวจพฤติกรรมการบริโภคเครื่องแต่งกายของชาวจีนในปี 2025 ข้อมูลได้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการแฟชั่นไทยในการขยายตลาดเข้าสู่จีนยุคใหม่ ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับความสบาย เนื้อผ้าคุณภาพดี และสไตล์ลำลอง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แฟชั่นไทยมีศักยภาพในการพัฒนาและนำเสนอได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าจากผ้าฝ้ายและเส้นใยธรรมชาติ หรือเสื้อผ้าที่เน้นความสวมใส่สบายในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ การเข้าถึงตลาดจีนยุคใหม่จำเป็นต้องอาศัยช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แบรนด์ไทยจึงควรให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ อย่าง Taobao และ JD.com รวมถึงการสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายบนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น อย่าง Douyin และ Kuaishou หรือแพลตฟอร์มแบ่งปันเนื้อหาเช่น Xiaohongshu ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจีน
การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และวางกลยุทธ์การตลาดที่ตรงใจผู้บริโภคจีนมากที่สุดจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถคว้าโอกาสในตลาดแฟชั่นขนาดใหญ่แห่งนี้
___________________________________________________________________________________
จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้
วันที่ 7 สิงหาคม 2568
แหล่งที่มา
