ในโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารครั้งใหญ่จากปัจจัยต่างๆ ทั้งสงคราม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รัฐสุลต่านโอมานในฐานะประเทศทะเลทรายที่มีทรัพยากรน้ำและที่ดินทำการเกษตรจำกัด กลับกำลังสร้างความประหลาดใจให้กับวงการความมั่นคงทางอาหารโลก ด้วยการผสมผสานนโยบายที่ชาญฉลาดระหว่างการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศและการจัดการการนำเข้าอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อความมั่นคงทางอาหารของโอมานในปี 2568
1.ความสำเร็จที่น่าจับตามอง
1.1 อุตสาหกรรมนม: ต้นแบบความสำเร็จ: กรณีศึกษาของ Modern Dairy Factory ที่สามารถเพิ่ม รายได้ถึง 142% ในครึ่งปีแรกของ 2568 ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุด โรงงานแห่งใหม่ใน Rusayl Industrial Area ที่ลงทุนกว่า 52 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นระบบฆ่าเชื้อแบบ UHT และระบบบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติมาใช้ ทำให้สามารถผลิตนมและผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้สำเร็จ
1.2 การเกษตรสมัยใหม่ในสภาพแวดล้อมทะเลทราย: โอมานได้ลงทุนกว่า 130 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ ในโครงการเกษตรแนวตั้งและโรงเรือนอัจฉริยะในปี 2568 โดยเฉพาะในเขต Al Batinah และ Dhofar ที่สามารถผลิต ผักสดได้มากถึง 15,000 ตันต่อปี ลดการนำเข้าผักสดลงได้ถึง 25% เทคโนโลยีสำคัญที่นำมาใช้รวมถึงระบบให้น้ำแบบหยดอัตโนมัติและระบบควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือน
1.3 ความสำเร็จด้านมาตรฐานอาหาร: การที่โอมานเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถกำจัดไขมันทรานส์เทียมออกจากห่วงโซ่อาหารได้สำเร็จ สะท้อนถึงความเข้มแข็งของระบบควบคุมด้านอาหาร โอมานยังได้รับคะแนนสูงในด้านความปลอดภัยทางอาหารในดัชนีความมั่นคงทางอาหารโลก
2.ความท้าทายและข้อจำกัด
2.1 การพึ่งพาการนำเข้าที่ยังสูง แม้จะมีพัฒนาการหลายด้าน แต่โอมานยังต้องนำเข้าอาหารหลักหลายประเภทในสัดส่วนที่สูง:
ข้าวสาลี: นำเข้า 92% ของความต้องการ
ข้าว: นำเข้า 85% ของความต้องการ
เนื้อสัตว์: นำเข้า 70% ของความต้องการ
2.2 วิกฤตน้ำที่ยังแก้ไม่ตก โอมานมีปริมาณน้ำจืดต่อหัวเพียง 125 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ต่ำกว่าความหมายของ "ขาดแคลนน้ำ" ที่กำหนดโดยสหประชาชาติ (1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี) แม้จะมีโครงการกลั่นน้ำทะเลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ต้นทุนที่สูงถึง 4 ดอลลาห์สหรัฐฯ ต่อลูกบาศก์เมตร ยังเป็นอุปสรรคใหญ่
2.3 ผลกระทบจากวิกฤตโลก ความขัดแย้งในยูเครนและปัญหาการขนส่งทางเรือในทะเลแดงยังส่งผลให้ราคาอาหารนำเข้าในโอมานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-20% ในปี 2568 โดยเฉพาะสินค้าพื้นฐานเช่น น้ำมันพืชและข้าวสาลี
3. กลยุทธ์และแนวทางในอนาคต
3.1 แผนเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ โอมานตั้งเป้าหมายที่น่าสนใจหลายประการสำหรับปี 2573:
เพิ่มผลผลิตนมให้ได้ 80% ของความต้องการ
เพิ่มผลผลิตผักสดให้ได้ 60% ของความต้องการ
พัฒนาการเพาะเลี้ยงปลาในระบบปิดให้ได้ 50% ของความต้องการปลาทะเล
3.2 กลยุทธ์การนำเข้าแบบใหม่
การทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับประเทศคู่ค้า 5 ประเทศหลัก
การสร้างคลังสินค้าอาหารยุทธศาสตร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
การพัฒนาระบบติดตามและพยากรณ์ราคาอาหารโลก
3.3 นวัตกรรมแห่งอนาคต โอมานกำลังลงทุนในเทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคตหลายรูปแบบ:
การวิจัยเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการพยากรณ์ผลผลิตการเกษตร
การพัฒนาพันธุ์พืชทนเค็มและทนแล้ง
ความเห็นของ สคต.ดูไบ
โมเดลความมั่นคงทางอาหารของโอมานในปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่สมดุลระหว่าง การพึ่งพาตนเองและการยอมรับข้อจำกัดทางธรรมชาติ แม้จะยังต้องพึ่งพาการนำเข้าในระดับสูง แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศโดยเฉพาะในส่วนที่โอมานมีศักยภาพ (เช่น นมและผักสด) ก็สร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
บทเรียนสำคัญจากกรณีศึกษาโอมานคือ ความมั่นคงทางอาหารในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต้องอาศัย:
การเลือกผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้อย่างจริงจัง
การสร้างสมดุลระหว่างการผลิตเองและการนำเข้า
การเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆ
การค้าต่างประเทศระหว่างไทยกับโอมาน
แม้เศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอนแต่การค้าไทย-โอมานกลับโตสวนกระแสการค้าต่างประเทศระหว่างไทยและโอมานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โอมานเป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นตลาดสำคัญสำหรับสินค้าไทยหลายประเภท เช่น ยานพาหนและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อากาศยานและส่วนประกอบ ปลากระป๋อง ข้าว เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ไม้ และเครื่องสำอาง การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ประมาณ 222.12 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ (+17.62%) ในขณะเดียวกันสินค้านำเข้าสำคัญจากโอมาน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหล็ก น้ำมันสำเร็จรูป ปุ๋ย และเคมีภัณฑ์ มูลค่า 536.55 ล้านดอลลาห์สหรัฐฯ (+0.26%)
การเข้าใจแนวโน้มความมั่นคงทางอาหารของโอมานจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถปรับกลยุทธ์และรักษาตลาดที่สำคัญนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักธุรกิจไทยควรรีบจับจองส่วนแบ่งตลาดนี้ก่อนคู่แข่ง จะเห็นว่าแม้โอมานพยายามผลิตอาหารเอง แต่สินค้าเกษตรและอาหารจากไทยยังขายดีต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสทองที่ไม่ควรมองข้าม ภาครัฐใช้โอกาสนี้ในการเชิญชวนนักธุรกิจโอมานมาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรของไทย เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพต่อไป