fb
นโยบายที่ขัดกัน...ทำรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจตีกับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อม

นโยบายที่ขัดกัน...ทำรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจตีกับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อม

โดย
thanith@ditp.go.th
ลงเมื่อ 18 กรกฎาคม 2568 12:25
12

ในการเจรจา MOU เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ได้มีสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า นาง Katherina Reiche รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจคนปัจจุบัน ในสังกัดพรรคพรรคสหภาพคริสต์เตียนเพื่อประชาธิปไตยประเทศเยอรมนี (CDU - Christlich Demokratische Union Deutschlands) กับนาย Carsten Schneider รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ในสังกัดพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD - Sozialdemokratische Partei Deutschlands) มีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่อง “การใช้พลังงานนิวเคลียร์” ซึ่งผู้สังเกตการณ์ต่างก็ประหลาดใจและไม่คาดคิดว่า ทั้งสองคนจะขัดแย้งกันในประเด็นนี้ และหลังจากที่จัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025 นาง Reiche ได้แสดงออกอย่างชัดเจน ผ่านการเข้าประชุมกลุ่มพันธมิตรสนับสนุนนิวเคลียร์สหภาพยุโรป และแม้ว่ากลุ่มพันธมิตรของรัฐบาลที่ประกอบด้วยกลุ่ม Union หรือกลุ่มสหภาพที่ประกอบด้วยพรรค CDU และพรรคสหภาพสังคมนิยมคริสต์เตียนแห่งนครรัฐบาวาเรีย (CSU - Christlich-Soziale Union in Bayern) กับพรรค SPD จะต้องยึดมั่นกับแผนการเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์ก็ตาม ซึ่งนาย Schneider ได้ออกมาแสดงท่าทีว่า แน่นอนเพื่อนร่วมงานของผมมีอิสระที่จะทำในสิ่งที่เธอต้องการอย่างไรก็ตามแผนการเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นข้อตกลงที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น และในความเป็นจริงแล้วยังมีประเด็นขัดแย้งเพิ่มเติมที่จะทยอยเกิดขึ้นระหว่างรัฐมนตรีทั้งสองคนนี้ตามมาอีกเพียบ อาทิ กฎหมายการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCSCarbon Capture and Storage) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต และกลไกการเรียกเก็บค่าปรับที่เกิดขึ้นจากการสร้างคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM - Carbon Border Adjustment Mechanism) ว่า กระทรวงใดจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในประเด็นเหล่านี้ โดยที่ทั้งนาง Reiche และนาย Schneider กำลังหารือถึงความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวและปัจจุบัน แม้ว่ามองผ่าน ๆ รัฐมนตรีทั้ง 2 คนนี้ จะมีท่าทีสงบ แต่การแย่งชิงอำนาจภายในกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ นั่นเอง 

เมื่อพิจารณาความเป็นมาของทั้ง Reiche และ Schneider จะพบว่า ทั้งคู่รู้จักกันมานานแล้ว โดยทั้งคู่ได้รับเลือกเข้ามาในรัฐสภาครั้งแรกเมื่อปี 1998 โดยขณะที่ Schneider ไต่เต้าและดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่ Reiche ได้ลาออกไปทำงานในภาคเอกชนระยะหนึ่ง และปัจจุบันทั้งคู่ก็มาทำงานการเมืองในฐานะรัฐมนตรีของนาย Friedrich Merz นายกรัฐมนตรี CDU โดยในคำสั่งจัดตั้งองค์กรจากสำนักงานนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐ ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 กำหนดว่า จะต้องชี้แจงโครงสร้างที่แน่นอนของกระทรวงต่าง ๆ ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นอย่างช้า ตามคำสั่งกระทรวงต่าง ๆ จะครอบคลุม “รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง” ระหว่างกัน และในพื้นฐานแล้ว คำสั่งนี้เกี่ยวข้องกับการสับเปลี่ยนแผนกต่าง ๆ ไปมาจนกว่าทุกกระทรวงจะพอใจ จนมีคนเรียกคำว่า เป็นการ “เล่นเททริสระหว่างแผนก” ในกระทรวงต่าง ๆ โดยกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของรัฐบาลกลางระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถ “ออกแถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับโครงสร้างที่แน่นอนของกระทรวง” ได้ และจัดสรรยังไม่เสร็จสิ้น ในด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “การหารือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินไปเป็นอย่างดีและสร้างสรรค์” โดยคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างการหารือในปัจจุบันก็คือ เราจะผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจและปกป้องสิ่งแวดล้อมให้ดำเนินไปด้วยกันได้อย่างไร ให้ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ในด้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์จะต้องมีการตัดสินใจในระดับยุโรปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีจะต้องแสดงจุดยืนเรื่องนี้ และประเด็นสำคัญในการเจรจาเรื่องดังกล่าวก็คือ ควรใช้เงินจากงบประมาณของสหภาพยุโรปเพื่อจัดหาเงินทุนให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ หากใช่ จำเป็นหรือควรใช้ในระดับใด โดย Reiche ไม่ต้องการตัดเงินทุนดังกล่าวออกไป แต่ Schneider กลับประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า “เยอรมนีไม่ต้องการให้สหภาพยุโรปจัดหาเงินทุนให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์”

ซึ่งผลกระทบที่เป็นรูปธรรมของการเจรจา จะเห็นได้จากตัวการเจรจาเรื่อง กฎหมายการกักเก็บคาร์บอน ไดออกไซด์ ใน MOU เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลระหว่าง Union และพรรค SPD ตกลงที่จะผ่านกฎหมายทันที โดยกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้การดักจับ ขนส่ง ใช้ และกักเก็บ คาร์บอนไดออกไซด์ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคอุตสาหกรรมฯ และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีความจำเป็นต้องปล่อยมลพิษแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้” ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานได้รับการพิจารณาแล้ว โดยกระทรวงเศรษฐกิจฯ ของ Reiche จะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงสิ่งแวดล้อมของ Schneider ก็จะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนในด้านเนื้อหาที่สำคัญ ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เกิดการ “เจรจาอย่างดุเดือด” ครั้งใหญ่ แม้ว่ากระทรวงสิ่งแวดล้อม และสมาชิกพรรค SPD ส่วนใหญ่เห็นว่า การกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นก็ตาม แต่พวกเขาต้องการที่จะกำหนดขอบเขตของเรื่องนี้ให้อยู่ในวงแคบเท่านั้น แทนที่จะอนุญาตให้ใช้การกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์กับ “การปล่อยมลพิษที่หลีกเลี่ยงได้ยาก” กระทรวงฯ กลับเลือกที่จะอนุญาตให้ใช้กับ “การปล่อยมลพิษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เท่านั้น และการนำการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้กับโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานก็ถูกกระทรวงสิ่งแวดล้อมมองว่า ไม่จำเป็น ในทางกลับกันกระทรวงเศรษฐกิจฯ ต้องการที่จะระบุในกฎหมายฯ ให้มีขอบเขตที่กว้างไว้ก่อน โดยในปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่ได้มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในประเด็นนี้ และยังไม่ชัดเจนว่า กระทรวงใดจะเป็นผู้ชนะ

โดยสถานการณ์ดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกันในกรณีของ CBAM และการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ในส่วน CBAM สหภาพยุโรป (EU) นำมาใช้ ก็มีคำถามหนึ่งที่ไม่ได้รับคำตอบมานานหลายปี นั่นคือ ผู้ส่งออกในยุโรปจะได้รับการคุ้มครองอย่างไร หากผลิตภัณฑ์ของตน ยกตัวอย่างเช่น เหล็กกล้ามีภาระต้นทุนที่เกิดจากการรักษาสภาพอากาศสูง แต่เมื่อส่งออกสินค้าดังกล่าวออกไป ผู้ผลิตไม่สามารถส่งต่อภาระดังกล่าวไปยังลูกค้าภายนอกสหภาพยุโรปได้ ดังนั้น คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญของอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยมลพิษสูง พวกเขาจึงหวังว่า ผลประโยชน์ของตนจะได้รับการสะท้อนอย่างชัดเจนที่สุดในรัฐสภายุโรปกลางกรุงบรัสเซลส์ และพวกเขาต้องการให้กระทรวงเศรษฐกิจดำเนินการในส่วนนี้ด้วย ด้านนาย Hubertus Bardt ผู้บริหารสถาบันเศรษฐศาสตร์เยอรมนี (IW - das Institut der deutschen Wirtschaft) กล่าวกับ หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า “เครื่องมือทางเศรษฐกิจ เช่น การซื้อขายคาร์บอนเครดิตและเทคโนโลยีอย่าง CCS มีความสำคัญต่อนโยบายอุตสาหกรรม และพลังงานขั้นพื้นฐาน ดังนั้น จึงควรนำเครื่องมือเหล่านี้ไปไว้ในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” โดยในกระทรวงสิ่งแวดล้อมของ Schneider ข้าราชการต่างก็มองว่า ตนเองเป็นผู้แก้ปัญหาปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับบทบาทของเขาในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม โดยภารกิจของ Schneider คือ การทำให้แน่ใจว่ารัฐบาลกลางเยอรมันปฏิบัติตามเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่ระบุไว้ตามกฎหมายครั้งล่าสุด เพราะในรัฐบาลชุดก่อนความรับผิดชอบในการปกป้องสภาพภูมิอากาศของประเทศกลับไปอยู่ที่กระทรวงเศรษฐกิจเป็นหลัก ในขณะที่ ความรับผิดชอบในการรักษาสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศกลับไปอยู่ที่กระทรวงต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันนาย Schneider เป็นผู้รับผิดชอบทั้งสองส่วน ดังนั้น เขาในฐานะนักการเมืองจากพรรค SPD กล่าวถึงกระทรวงของตนว่า “เป็นหน่วยงานที่ไม่ควรหลบเลี่ยงความขัดแย้ง” ตามที่เขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Süddeutsche Zeitung เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังสามารถคาดการณ์ได้ว่า ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอีกครั้งเพราะเป็นปัญหาค้างคาที่มาจากการตรากฎหมายครั้งก่อนหน้าโยเฉพาะในเรื่อง พระราชบัญญัติการใช้พลังงานของอาคาร (GEGGebäudeenergiegesetz) ซึ่งชาวบ้านมักเรียกกันว่า  “พระราชบัญญัติเครื่องทำความร้อน” โดยใน MOU ข้อตกลงเพื่อการจัดตั้งรัฐบาลระบุว่า “เราจะยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องทำความร้อน” โดยการระบุถ้อยคำนี้ลงไปรวมอยู่ในข้อตกลงด้วยความต้องการของพรรค CDU/CSU ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญและพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) โดยการแบ่งความรับผิดชอบสำหรับพระราชบัญญัติเครื่องทำความร้อนจะถูกแบ่งกันระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจที่นำโดยพรรค CDU และกระทรวงการก่อสร้างที่นำโดยพรรค SPD อีกทั้งกระทรวงสิ่งแวดล้อมเองก็จะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนร่วมอีกด้วย ด้านนาย Schneider รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงข้อเสนอของ CDU/CSU ไว้ โดยระบุว่า การยกเลิกอาจฟังดูเด็ดขาด แต่จะไม่มีการเดินถอยหลังในเรื่องนี้แน่นอน นาย Schneider ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า เขาจะไม่ประนีประนอมกับเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ นอกจากนี้ เขายังแสดงความเต็มใจที่จะหารือถึงวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยระบุว่า ทุกเรื่อง เราสามารถหารือกันได้ โดยการซ้ำซ้อนด้านการทำงานระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสภาพอากาศนี่เองอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาปรากฏตัวในงานวันเกษตรกรและกล่าวสุนทรพจน์ที่งานดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ โดยนาย Schneider แสวงหาความสมดุลและอาศัยความร่วมมือที่ดีกับกระทรวงเกษตรที่นำโดยนาย Alois Rainer (CSU) โดยนาย Schneider กล่าวถึงนาย Rainer ที่เขารู้จักเขารู้จักกันดีเพราะทั้งสองเล่นในทีมฟุตบอลรัฐสภาเยอรมันว่า “เราทั้งสองคนเป็นผู้เล่นในทีมที่มีประสบการณ์ ซึ่งเราจะยังคงเป็นแบบนั้นต่อไประหว่างการดำรงตำแหน่งของเรา และพยายามแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องร่วมกัน”

 

จาก Handelsblatt 18 กรกฎาคม 2568

Share :
Instagram