การก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืนอย่างมุ่งมั่น จีนได้เปิดตัวโครงการ “Beautiful China 2025” ซึ่งเป็นแผนระยะยาวหลายปีที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีเชิงนิเวศ (eco-tech) แผนดังกล่าวเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของจีนในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเทคโนโลยีสำคัญในโครงการ ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหา สร้างมูลค่า หรือ เพอ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ (IoT Solution) และเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน ซึ่งจะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและควบคุมมลพิษ
รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบประมาณจำนวนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว โดยมุ่งเน้นไปที่การผลิตที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมืองอัจฉริยะ และระบบคมนาคมคาร์บอนต่ำ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือระบบจัดการพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถปรับการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ในเมืองใหญ่ เพื่อให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้โดยไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนครั้งนี้คือพลังงานหมุนเวียน โดยจีนมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมรายใหญ่ที่สุดของโลก ภายในปี 2025 จีนตั้งเป้าให้พลังงานอย่างน้อย 50% มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ประเทศมีบทบาทสำคัญในตลาดพลังงานสีเขียวระดับโลก นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนการใช้ “การเงินสีเขียว” (green financing) เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศและเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก
การขับเคลื่อนนี้ยังผสานเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยประหยัดพลังงานในระดับมหภาค เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ คาดว่าจีนจะมีการส่งออกเทคโนโลยีสีเขียวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศและเสริมบทบาทของจีนในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรและแนวทางธุรกิจสีเขียว
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสีเขียว พลังงานหมุนเวียน และการผลิตอัจฉริยะ จีนถือเป็นโอกาสอันมหาศาลในการลงทุนพัฒนาระบบการแก้ปัญหาที่ล้ำสมัย โครงการ “Beautiful China 2025” สะท้อนถึงความพร้อมของจีนในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคง
ที่มา: vecteezy.com
ธุรกิจในประเทศจีนกำลังนำหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG: Environmental, Social and Governance) เข้ามาปรับใช้ในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับชาติ บริษัทจำนวนมาก โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ (SOEs) และบริษัทเอกชนรายใหญ่ ได้เริ่มนำกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และกลยุทธ์ลดการปล่อยคาร์บอนมาใช้ ตัวอย่างเช่น กรอบการรายงาน ESG ฉบับใหม่ของจีน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2024 ได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเปิดเผยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของตน โดยขณะนี้มีรัฐวิสาหกิจมากกว่า 70% ที่เผยแพร่รายงาน ESG แล้ว บริษัทชั้นนำอย่าง BYD (ยานยนต์ไฟฟ้า), CATL (แบตเตอรี่) และ Longi Green Energy (พลังงานแสงอาทิตย์) ต่างกลายเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยียั่งยืน สะท้อนให้เห็นถึงการผลักดันนวัตกรรมในอุตสาหกรรมสีเขียวของจีน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้แรงจูงใจผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษี เงินอุดหนุนสำหรับพลังงานหมุนเวียน และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมาใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำและลงทุนในแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน อุตสาหกรรมอย่างยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน และวัสดุชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางธรรมชาติจึงเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้นโยบายเหล่านี้
นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญในด้านนิเวศของจีน ความมุ่งมั่นของจีนในการขับเคลื่อนความยั่งยืนเปิดโอกาสอย่างกว้างขวางให้กับธุรกิจและนักลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค ด้วยเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 และกรอบมาตรฐานสำหรับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของภาคธุรกิจภายในปี 2030 ประเทศจีนกำลังบูรณาการความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ในรูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจของตน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เปิดประตูให้กับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาด เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน และโซลูชันดิจิทัลที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม เมื่อจีนขยายตลาดคาร์บอนของตนเองและปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น กลไกปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวจะได้เปรียบทางการแข่งขันในเวทีการค้าโลก
ความเห็นสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน: ความสำเร็จของโครงการ Beautiful China 2025 ขึ้นอยู่กับแนวทางที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ สังคม และรัฐบาล ซึ่งต่างมีบทบาทร่วมกันในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม โดยในขณะที่ภาคธุรกิจกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบธุรกิจที่เป็นมิตรมากขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ธรรมชาติและการส่งเสริมการศึกษาเรื่องความยั่งยืนก็ช่วยเปลี่ยนความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นการลงมือปฏิบัติจริงด้วยการปลูกฝังวัฒนธรรมความยั่งยืนและความรับผิดชอบ จีนไม่เพียงแต่กำลังยกระดับภูมิทัศน์ทางนิเวศของตนเองเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นตัวอย่างในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมระดับโลกอีกด้วย
https://www.faccent.com/news/beautiful-china-2025-innovating-sustainability-with-eco-tech/index.html
https://www.chinadaily.com.cn/a/202401/13/WS65a1c955a3105f21a507c0d9.html
https://hrone.com/blog/eco-tech-revolution-chinas-2025-blueprint-for-sustainable-innovation-china-briefing/
เรียบเรียงโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
25 กรกฎาคม 2568