fb
สหรัฐอเมริกาห้ามใช้สีสังเคราะห์ในการผลิตอาหาร และเป็นโอกาสสินค้าสีผสมอาหารจากธรรมชาติ

สหรัฐอเมริกาห้ามใช้สีสังเคราะห์ในการผลิตอาหาร และเป็นโอกาสสินค้าสีผสมอาหารจากธรรมชาติ

โดย
duangpornm@ditp.go.th
ลงเมื่อ 11 กรกฎาคม 2568 13:00
18

ภายใต้นโยบาย “Make America Healthy Again” Mr. Robert F. Kennedy Jr. ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้บริหาร Department of Health and Human Services ที่รวมถึง USFDA ได้ประกาศเป้าหมายแรกของการทำงาน คือ การห้ามใช้สีย้อมสังเคราะห์ในการผลิตสินค้าอาหาร โดยอ้างว่า มีการวิจัยพบว่า สีย้อมสังเคราะห์ผลิตจากปิโตรเลียมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะจะส่งผลกระทบเป็นความผิดปกติต่อพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก

 

 

มีการวิจัยพบว่า 1 ใน 5 ของอาหารในสหรัฐฯ และโรงงานผลิตอาหารรายใหญ่ 25 อันดับแรกของสหรัฐฯ ใช้สีย้อมสังเคราะห์ อาหารกลุ่มที่ใช้สีสังเคราะห์มากที่สุดคือ snack และ candy mนอกจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มซ๊อสและอาหารที่ผ่านเข้ากระบวนการเก็บรักษาบางราย ที่มีกระบวนการผลิตในระดับสูง (ultra-processed foods) และได้รับความนิยมบริโภคกว้างขวางในสหรัฐฯ

 

 

ในเดือนเมษายน 2568 USFDA ได้ประกาศสั่งยกเลิกสีที่เคยได้รับการรับรองจาก USFDA ได้แก่ Citrus Red 2 และ Orange B และอยู่ในระหว่างดำเนินงานเพื่อยกเลิกการใช้สี Red 40, Green 3, Yellow 5, Yellow 6, Blue 1 และ Blue 2 ในอุปทานอาหาร ภายในสิ้นปี 2569 

 

ปัจจุบันโรงงานผลิตอาหารรายใหญ่ของสหรัฐฯ หลายรายที่ใช้สีสังเคราะห์ เช่น Nestle, ConAgra, Kraft Heinz, General Mills และ PepsiCo อยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์ โดยส่วนใหญ่มีกำหนดยกเลิกหมดภายในสิ้นปี 2570 และพยายามแสวงหาสีธรรมชาติมาใช้ในการผลิต

 

โรงงานผลิตสินค้าอาหารที่ยังไม่ยินยอมยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์ในขณะนี้ เช่น Kellogg’s, WK Kellogg และ Mars ด้วยเหตุผลว่า การเปลี่ยนไปใช้สีธรรมชาติจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผลิตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และนโยบายเรื่องการใช้สีสังเคราะห์ในอาหารได้มีการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาโดยตลอด

 

 

นอกจาก USFDA แล้ว หลายมลรัฐได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องการใช้สีสังเคราะห์ในอาหาร เช่น 

  1. รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ผ่านกฎหมาย California Food Safety Act (AB418) ในปี 2023 ห้ามใช้สี Red No. 3 และสีอื่นๆที่ USFDA รับรองว่าปลอดภัย รวมถึง brominated vegetable oil, potassium bromate และpropylparaben กฎหมายนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2570
  2. รัฐเท๊กซัส ในเดือนมีนาคม 2568 ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้ส่วนสีผสมอาหารหลายรายการรวมถึง Red No. 3 ในอาหารที่ให้บริการนักเรียนในโรงเรียน และได้ออกกฎหมาย Senate Bill 25 กำหนดว่า สินค้าที่ผลิตหลังวันที่ 1 มกราคม 2570 โรงงานผลิตต้องติดฉลากเตือน “warning label” บนสินค้าที่มีส่วนผสม 50 รายการตามที่ USFDA รับรอง ที่รวมถึงสีสังเคราะห์สำหรับผสมอาหาร และส่วนผสมอาหาร รวมที่เป็นสีสังเคราะห์ และสารเคมี ที่เป็นสิ่งต้องห้ามในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป
  3. รัฐหลุยเซียน่าและรัฐมิสซูรี่ กำลังดำเนินรอยตามรัฐเท๊กซัส โดยกฎหมายยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
  4. รัฐเวสเวอร์จิเนีย ออกกฎหมาย House Bill 2354 ในเดือนมีนาคม 2568 ห้ามขายสินค้าอาหารบางรายการที่มีส่วนผสมสี Red 3, Red 40, Yellow 5, Yellow 6, Blue 1, Blue 2 และ Green 3 โดยจะมีผลบังคับใช้ ในปี 2571
  5. รัฐเวอร์จิเนียออกกฎหมาย House Bill 1910 และ Senate Bill 1289  ห้ามใช้สีสังเคราะห์ 7 รายการ รวมถึง Red 3 ใส่ในอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียน โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฏาคม 2570

 

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็นของ สคต. ลอสแอนเจลิส

ตลาดสีผสมอาหารที่ผลิตจากธรรมชาติในสหรัฐฯ กำลังเติบโตอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคสหรัฐฯ เห็นถึงความเสี่ยงของการบริโภคสารเคมีและ ต้องการอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ คาดการณ์ว่าในระหว่างปี 2023 ถึง 2030 ตลาดสีผสมอาหารที่ผลิตจากธรรมชาติในสหรัฐฯ จะเติบโตในอัตราร้อยละ 9 ต่อปี 

 

สีผสมอาหารที่เป็นที่ต้องการและมีการใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารคือ Red 40, Yellow 5 และ Yellow 6 สีผสมอาหารจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ คือ beta-carotene ที่เกิดขึ้นในผักและผลไม้ และที่กำลังมีความต้องการในตลาดสูงคือสีฟ้าและสีเขียวที่มาจากการสกัดจากสาหร่าย Spirulina เชื่อกันว่าสีที่สกัดจาก Spirulina และ Carotenoids นอกจากจะมีสีที่เข้มข้นแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ 

 


กฎหมาย Federal Food, Drug, and Cosmetic Act (Chapter VII, section 721) สหรัฐฯ กำหนดว่า สีที่ใช้ในการผสมอาหาร ก่อนที่จะนำมาใช้ต้องได้รับการยอมรับ (approve) จาก USFDA ก่อนว่าปลอดภัย เมื่อเดือนเมษายน 2568 USFDA ได้ประกาศยอมรับสีผสมอาหารที่ผลิตจากธรรมชาติ 3 รายการ คือ


 

1. สีฟ้า ที่สกัดจากเซลสาหร่าย Galdieria Suuphuraria เพื่อใช้เพิ่มสีในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล เครื่องดื่มจากผักและผลไม้ ใน fruit/dairy-based smoothies, โยเกิร์ตhard/soft candy, ไอสครึม ผลไม้แช่เยือกแข็ง อาหารหวานจากวุ้น พุดดิ้ง คัสตาร์ด เป็นต้น

 

 

2. สีฟ้าเฉดต่างๆ รวมถึงเฉดสีม่วงเข้ม และเขียว ที่สกัดจาก butterfly pea flower หรือดอกอัญชัน เดิมได้รับการยอมรับจาก USFDA ให้ใช้ในเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล ชา candy ไอสครีม และโยเกิร์ต เป็นต้น ปัจจุบัน ได้รับการยอมรับให้ใช้ใน ready-to-eat Cereals, crackers, snack mixes, hard pretzels, plain potato chips, corn chips, tortilla chips และ multigrain chips

 

 

3. สีขาว สกัดจาก calcium phosphate ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในสินค้า ready-to-eat chicken, white candy Melts, doughnut sugar และ น้ำตาลที่ใช้ในการเคลือบ Candy

 

 

การเติบโตตลาดและความต้องการสินค้าสีผสมอาหารผลิตจากธรรมชาติ สร้างโอกาสให้แก่ประเทศไทยที่มีศักยะภาพสูง ที่อาจนำไปใช้ในการพัฒนาเพื่อการผลิตและส่งออกสีผสมอาหารที่ผลิตจากธรรมชาติ เพราะมีวัตถุดิบและความรู้ความสามารถในการผลิต เช่น ใบเตยหอม ใบย่านาง ใบตะไคร้ สำหรับผลิตสีเขียว กระเจี๊ยบแดง สำหรับผลิตสีแดง และดอกอัญชัญ สำหรับผลิตสีม่วง เป็นต้น

 

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส กรกฏาคม 2568

Share :
Instagram