เมื่อวันที 22 กรกฎาคม 2568 สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้ตกลงร่วมกันในกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำ “ข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน” (Agreement on Reciprocal Trade) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยข้อตกลงฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึงตลาดของกันและกันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทนดังกล่าว จะเป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงข้อตกลงกรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนสหรัฐฯ-อินโดนีเซีย ที่ลงนามเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
พ.ศ. 2539
ประเด็นสำคัญของข้อตกลงการค้าตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย ประกอบด้วย:
อินโดนีเซียจะยกเลิกอุปสรรคทางภาษีประมาณร้อยละ 99 สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของสหรัฐอเมริกาทั้งหมดที่ส่งออกมายังอินโดนีเซีย
สหรัฐอเมริกาจะลดอัตราภาษีนำเข้าตามหลักต่างตอบแทนลง เหลือร้อยละ 19 สำหรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากอินโดนีเซีย ตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 14257 ลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ 2568 และอาจพิจารณาระบุสินค้าบางประเภทเพิ่มเติมที่ไม่มีอยู่ตามธรรมชาติหรือไม่ได้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพิจารณาทำการลดอัตราภาษีต่างตอบแทนนี้เพิ่มเติมด้วย
สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียจะเจรจากฏเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกซึ่งรับรองว่าผลประโยชน์ของข้อตกลงจะตกอยู่กับสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียเป็นหลัก
สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีของอินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนทวิภาคีในพื้นที่สำคัญๆ โดยครอบคลุมถึง การยกเว้นข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้บริษัทสัญชาติอเมริกา และสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากสหรัฐฯ การยอมรับยานยนต์ที่ผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัยและการปล่อยมลพิษของยานยนต์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การยอมรับใบรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ (FDA) และการอนุญาตวางจำหน่ายล่วงหน้าสำหรับอุปกรณ์การแพทย์และยา การยกเลิกข้อกำหนดบางประการสำหรับการส่งออกเครื่องสำอาง อุปกรณ์การแพทย์ และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ จากสหรัฐฯ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมายาวนาน ซึ่งระบุไว้ในรายงานพิเศษ 301 ของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) และการแก้ไขข้อกังวลของสหรัฐฯ ด้วยขั้นตอนการประเมินความสอดคล้องของมาตราฐานสินค้า ในส่วนของอินโดนีเซียจะดำเนินการเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่อการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าหรือข้อกำหนดด้านอนุญาตสำหรับสินค้าหรือชิ้นส่วนที่ผลิตซ้ำของสหรัฐฯ การยกเลิกข้อกำหนดการตรวจสอบหรือการตรวจพิสูจน์สินค้าก่อนขนส่ง ออกสินค้าสหรัฐฯ และการนำแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบที่ดีมาใช้และดำเนินการ
สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียได้ให้คำมั่นที่จะแก้ไขและป้องกันอุปสรรคร่วมกันต่อสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงการยกเว้นสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ จากระบอบการออกใบอนุญาตนำเข้าทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดด้านดุลยภาพสินค้า การประกันความโปร่งใสและความเป็นธรรมเกี่ยวกับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ การจัดให้มีสถานะ “อาหารสดจากพืช” (FFPO) อย่างถาวรสำหรับผลิตภัณฑ์พืชของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และการยอมรับกระบวนการการกำกับดูแลของสหรัฐฯ โดยรวมถึงการขึ้นทะเบียนสถานประกอบการผลิตเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์นมของสหรัฐฯ ทั้งหมด ตลอดจนการยอมรับใบรับรองที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ
อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการค้าดิจิทัล การให้บริการและการลงทุน อินโดนีเซียจะสร้างความแน่นอนเกี่ยวกับความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลออกนอกประเทศไปยังสหรัฐฯ นอกจากนี้อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะยกเลิกอัตราภาษีศุลกากร (HTS) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน สำหรับ “สินค้าที่จับต้องไม่ได้” และระงับข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการสำแดงสินค้านำเข้า สนับสนุนการคงมาตราการชั่วคราวในการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO) โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข และจะดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องกับข้อริเริ่มร่วมว่าด้วยกฎระเบียบภายในประเทศด้านการให้บริการ รวมถึงการยื่นข้อผูกพันเฉพาะที่ฉบับปรับปรุงเพื่อขอการรับรองจากองค์การการค้าโลก (WTO)
อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมเวทีหารือระดับโลก ว่าด้วยกำลังการผลิตส่วนเกินของเหล็ก และดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินของภาคอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกและผลกระทบที่เกิดขึ้น
อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองสิทธิแรงงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อินโดนีเซียจะปฏิบัติตามพันธกรณีต่างๆ หลายประการ อาทิ การกำหนดและบังคับใช้ข้อห้ามการนำเข้าสินค้าที่ผลิตโดยแรงงานบังคับหรือแรงงานเกณฑ์ การแก้ไขกฎหมายแรงงานภายในประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิแรงงานในการรวมกลุ่มและการเจรจาต่อรองร่วมให้ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ และเสริมสร้างกลไกการบังคับใช้กฎหมายแรงงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะนำมาใช้และรักษามาตรฐานการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระดับสูง และบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้มาตรการเพื่อปรับปรุงธรรมาภิบาลในภาคป่าไม้ และปราบปรามการค้าผลิตภัณฑ์จากป่าที่ตัดอย่างผิดกฎหมาย ส่งเสริมเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การให้สัตยาบันและดำเนินการตามข้อตกลงว่าด้วยเงินอุดหนุนภาคประมงขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเต็มที่ และปราบปรามการประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม และการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย
อินโดนีเซียจะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไปยังสหรัฐฯ รวมถึงแร่ธาตุสำคัญ
สหรัฐฯ และอินโดนีเซียมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมนวัตกรรม ผ่านการดำเนินการที่เสริมกันเพื่อแก้ไขการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของประเทศอื่นๆ ตลอดจนความร่วมมือในด้านการควบคุมการส่งออก ความมั่นคงด้านการลงทุน และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียยังรับทราบข้อตกลงเชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างบริษัทสหรัฐฯ และอินโดนีเซียดังต่อไปนี้:
การจัดซื้ออากาศยาน ปัจจุบันมีมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และฝ้าย มูลค่ารวมประมาณ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การจัดซื้อผลิตภัณฑ์พลังงาน ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันดิบ และน้ำมันเบนซิน มูลค่าประมาณ 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ สหรัฐฯ และอินโดนีเซียจะเจรจาและสรุปข้อตกลงการค้าแบบตอบแทน เตรียมการลงนามข้อตกลง และดำเนินพิธีการภายในประเทศก่อนที่ข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้
ความเห็นของสำนักงานฯ
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 สหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐอินโดนีเซียได้ตกลงร่วมกันในกรอบการเจรจาข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน (Agreement on Reciprocal Trade) เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี โดยข้อตกลงนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศเข้าถึงตลาดของกันและกันได้มากขึ้น ประเด็นสำคัญได้แก่ การยกเลิกอุปสรรคทางภาษีของอินโดนีเซียสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 99 และการลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สำหรับสินค้าจากอินโดนีเซียเหลือร้อยละ 19 พร้อมทั้งร่วมกันแก้ไขอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรฐานสินค้า ใบรับรอง FDA รวมถึงการยกระดับความร่วมมือด้านการค้า ดิจิทัล แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงเชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทของทั้งสองประเทศในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยข้อตกลงจะมีการเจรจาสรุปและลงนามในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนจะมีผลบังคับใช้จริง ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซีย อาจเพิ่มความได้เปรียบให้สินค้าสหรัฐฯ ในตลาดอินโดนีเซีย ทำให้การแข่งขันกับสินค้าจากไทยในบางกลุ่มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรบางประเภท อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและพัฒนาคุณภาพสินค้าและมาตรฐาน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดอินโดนีเซีย