รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าของประเทศชิลี ฉบับที่ 7 ประจำปี 2568 จาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก

s ภาพรวมเศรษฐกิจ s

เศรษฐกิจของประเทศชิลีประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ในภาพรวม GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มราคาทองแดงในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ขยายตัวกว่า 10.3% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวที่ 0.6% ด้านอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศปรับลดลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 4.4% ในขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 8.9% การนำเข้าและการส่งออกโดยรวมของชิลีเพิ่มขึ้นที่ 10.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยมีสินแร่และทองแดงเป็นสินค้าส่งออกหลัก ทั้งนี้ ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 ชิลีส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 8.3% รวมมูลค่ากว่า 2.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วงเดียวกัน ชิลีมีมูลค่าการค้ารวมกับไทยกว่า 553.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 17.8% โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 26 เดือน รวมมูลค่า 30.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในส่วนของรายละเอียดในแต่ละด้านประจำเดือนพฤษภาคม 2568 สคต. ณ กรุงซันติอาโก ขอสรุปรายละเอียด ดังนี้ 

1. การบริโภคภาคเอกชน (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี )

การบริโภคภาคเอกชนของชิลีประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ในภาพรวมขยายตัวขึ้น 0.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ (1) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค (2) หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี และ (3) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ เพิ่มขึ้น 8.7%, 7.4%, 6.4% ตามลำดับ แม้การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว แต่ปัจจัยด้านค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายและพฤติกรรมผู้บริโภคชาวชิลี โดยมักระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับระดับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากที่ระดับ 39.6 มาอยู่ที่ 41.7 เพิ่มขึ้น 5.3%

2.การลงทุน (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี https://www.bcentral.cl/)

บรรยากาศการลงทุนในภาครัฐและเอกชนของชิลีประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยแม้จะยังอยู่ในแดนลบ สะท้อนจากตัวเลขการขออนุญาตก่อสร้าง (คิดเป็นตารางเมตร) อยู่ที่ 6.8 แสนตารางเมตร ลดลง -1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้นถึง 123.6% สอดคล้องกับตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น124.2% ส่วนการก่อสร้างในภาคที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ลดลงที่ -42.5 และ -32.9 ตามลำดับ

ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับระดับจาก 45.3 มาอยู่ที่ 46.7 เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยภาคธุรกิจที่มีดัชนีความเชื่อมั่นสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) ภาคธุรกิจเหมืองแร่ (2) ภาคการค้า และ (3) ภาคการผลิต โดยอยู่ที่ 63.3, 51.9 และ 42.5 ตามลำดับ 

3. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (ข้อมูลจากธนาคารกลางชิลี https://si3.bcentral.cl และสำนักงานสถิติแห่งชาติของชิลี https://www.ine.gob.cl)

อัตราการว่างงานของประเทศชิลีในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.9% ของจำนวนผู้ใช้แรงงานทั้งหมดในประเทศ หากพิจารณาแยกตามเขตการปกครอง แคว้นที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือ แคว้นตาราปาก้า ที่ 10.7% และแคว้นที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดคือ แคว้นไอเซน ที่ 4.3% 

อัตราเงินเฟ้อของประเทศชิลีในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับระดับลดลงมาอยู่ที่ 4.4% โดยสินค้า 3 หมวดแรกที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 12 เดือนนี้ ได้แก่ (1) หมวดที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค (2) หมวดร้านอาหารและโรงแรม และ (3) หมวดการศึกษา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นที่  10.9%, 6.4% และ 5.2% ตามลำดับ  

4. การส่งออก-นำเข้า (ข้อมูลจากกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศของชิลี SUBREI – www.subrei.gob.cl)

การส่งออกสินค้าของชิลีระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2568 มีมูลค่ารวมที่ 52,817 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่  

การนำเข้าของชิลีระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2568  มีมูลค่ารวมที่ 41,146 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่

    จากตัวเลขการส่งออกของชิลีที่สูงกว่าตัวเลขการนำเข้า ทำให้ชิลีได้ดุลการค้าจำนวน 11,671 ล้านเหรียญสหรัฐ

5. การค้าของชิลีกับไทย และกลุ่มประเทศอาเซียน (ข้อมูลสถิติทางการค้าจาก Global Trade Atlas)

    ชิลีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม -พฤษภาคม 2568 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 292.03 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 40.14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)    ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 

• รถยนต์และส่วนประกอบ (125.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 70.41%) 

• เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (62.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 45.74%) 

• ปลากระป๋อง (30.84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 116.62%)

• เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า (41.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -41.92%)

• ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง (10.64 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.64%)

     สำหรับตัวเลขการนำเข้าของชิลีจากกลุ่มประเทศอาเซียนใน 5 อันดับแรก ได้แก่

• ชิลีนำเข้าจากเวียดนาม 658.39 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 22.54%)

• ชิลีนำเข้าจากไทย 292.03 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 40.14%)

• ชิลีนำเข้าจากอินโดนีเซีย 192.62 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 30.6%)

• ชิลีนำเข้าจากมาเลเซีย 126.68 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 78.16%)

• ชิลีนำเข้าจากสิงคโปร์ 50.27 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 28.11%)

  ชิลีส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทยระหว่างเดือนมกราคม -พฤษภาคม 2568 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 261.60 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 0.01% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)    ซึ่งสินค้าที่ส่งออกไปยังไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

• ทองแดง (104.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -23.84%) 

• แซลมอนและอาหารทะเล (52.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 66.47%)

• เยื่อกระดาษ (49.71 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.15%)

• สินแร่อื่น ๆ (20.82 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.72%)

• ผลไม้และผลิตภัณฑ์ธัญพืช (12.07 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.92%)

  สำหรับตัวเลขการส่งออกของชิลีไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนใน 5 อันดับแรก ได้แก่

• ชิลีส่งออกไปยังไทย 261.60 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 0.01%)

• ชิลีส่งออกไปยังเวียดนาม 150.65 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 18.41%)

• ชิลีส่งออกไปยังมาเลเซีย 119.27 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 29.19%)

• ชิลีส่งออกไปยังฟิลิปินส์ 50.45 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง -68.91%)

• ชิลีส่งออกไปยังสิงคโปร์ 37.62 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง -46.07%)

มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทย-ชิลี ระหว่างเดือนมกราคม - เดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 553.63 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 17.80%)                               โดยชิลีนำเข้าสินค้าจากไทยมากกว่าส่งออกไปยังไทย ทำให้ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าที่ 30.43 ล้านเหรียญสหรัฐ