
เนื้อหาสาระข่าว/บทวิเคราะห์: ครบหนึ่งเดือนเต็มหลังจากรัฐบาลของสหรัฐฯ เข้าสู่สภาวะ “ชัตดาวน์” หมายถึงสภาวการณ์ที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ไม่ได้รับงบประมาณแผ่นดินในการบริหารราชการ สืบเนื่องมาจากสภาคองเกรส หรือรัฐสภาของสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านพรบ.งบประมาณประจำปี ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่แปลกสำหรับการเมืองของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในช่วงก่อนการเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ โดยนับจนถึงวันที่จัดทำรายงานข่าวประจำสัปดาห์นี้ ถือว่าสภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งนี้ ยาวนานเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ซึ่งได้สร้างผลกระทบต่อระบบโครงสร้างทางราชการในสหรัฐนในหลายด้าน รวมถึงด้านที่เกี่ยวกับการค้า การนำเข้า และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
เมื่อกำแพงภาษีและการชัตดาวน์มาพร้อมกัน
สินค้าที่เป็นที่นิยมในช่วงฮาโลวีน ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งกาย และของตกแต่งบ้านในธีมวันฮาโลวีนกว่า 90% ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน นั่นทำให้บรรดาผู้นำเข้าส่วนมากได้หยุดการนำเข้าสินค้าไปตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องด้วยสถานการณ์กำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่มีแต่จะพุ่งสูงขึ้นๆ ก่อนหน้านี้ ทำให้ผลกระทบที่มีต่อสินค้าเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีนคือความไม่แน่นอนของปริมาณสินค้าที่จะมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงราคาต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้เข้ามาเพิ่มทำให้สถานการณ์ข้างต้นยิ่งซ้ำซ้อนมากขึ้นไปอีก จากการที่แม้ว่าในช่วงนี้ข้าราชการในสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (U.S. Customs and Border Protection: CBP) จะยังคงปฏิบัติหน้าที่กันอยู่เหมือนปกติ แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ในฝ่ายสนับสนุนหลายพันคนกลับถูกให้ออกจากงาน หรือถูกพักงานไปในช่วงนี้ ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่อาจทำให้กระบวนการเชิงปฏิบัติการและเอกสารทางศุลกากรในการนำเข้าสินค้ามีความล่าช้ามากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นกรณีที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อการชัตดาวน์เมื่อปีค.ศ. 2018 – 2019 โดยในครั้งนั้นระยะเวลาพักคอยการขนถ่ายสินค้าใช้เวลาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15 – 20% จากปกติในท่าเรือขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือเมือง Los Angeles และ Long Beach และแน่นอนว่าย่อมเกิดความล่าช้าในระบบโลจิสติกส์ตามมาเป็นห่วงโซ่ในโครงข่ายระบบการขนส่งไม่ว่าจะทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น สภาวะที่แวดวงธุรกิจนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ต้องเผชิญทั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า และการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางพร้อมกัน ก็เป็นการทวีคูณอุปสรรคทั้งในเชิงต้นทุนสินค้า และระยะเวลาการขนส่งสินค้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งสร้างความท้าทายเป็นพิเศษในการนำเข้าสินค้าไม่เพียงเฉพาะเทศกาลฮาโลวีน แต่อาจกระทบไปถึงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีต่อเนื่องถึงเทศกาลขึ้นปีใหม่ ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
คาดการณ์การค้าช่วงฮาโลวีนในปีนี้
แม้ว่าในช่วงเทศกาลฮาโลวีนของปีนี้ จะมาพร้อมกับมรสุมที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในวงกว้าง แต่ผลจากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวอเมริกันโดยสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation: NRF) แสดงให้เห็นว่าในภาพรวมมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.31 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการใช้จ่ายรายบุคคลเฉลี่ยอยู่ที่ 114.45 เหรียญสหรัฐฯ / คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 11 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีทรัมป์
ผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 79% ทราบและคาดไว้ว่าราคาสินค้าต่าง ๆ จะเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากกำแพงภาษีนำเข้า แต่ก็ไม่เป็นผลต่อการเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนแต่อย่างใดเนื่องจากผู้บริโภค 73% ยังคงมีแผนที่จะร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลอยู่ดี สำหรับกิจกรรมที่ในการเฉลิมฉลองอันเป็นที่นิยมในปีนี้ ได้แก่ การแจกลูกอม/ลูกกวาด 66%, การแต่งกายในธีมวันฮาโลวีน 51%, การตกแต่งบ้านและสวนในธีมฮาโลวีน 51%, การแกะสลักฟักทอง 46%, เข้าร่วมปาร์ตี้วันฮาโลวีน 32%, ไปเที่ยวบ้านผีสิง 24% และแต่งกายสัตว์เลี้ยงในธีมวันฮาโลวีน 23%
สำหรับกลุ่มสินค้าอันเป็นที่นิยมในเทศกาลวันฮาโลวีนอย่างลูกอม/ลูกกวาดในปีนี้คาดว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกายในธีมวันฮาโลวีนคาดว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กลุ่มสินค้าของตกแต่งในธีมวันฮาโลวีนคาดว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกลุ่มสินค้าการ์ดอวยพรคาดว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 7 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ
สถานการณ์จะลากยาวจนถึงเมื่อไหร่ ?
จากการติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ เชื่อว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ค่อนข้างที่จะมีความยืดเยื้อ เนื่องจากยังไร้วี่แววที่ผู้แทนวุฒิสมาชิกในสภาคองเกรสจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับพลิกกันจะร่วมมือผ่านพรบ.งบประมาณปีนี้ไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพรรคก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจาต่อรองกันทางการเมือง ในภาคส่วนการนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ ผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยควรมีแผนสำรอง หรือทางเลือกอื่น ในการส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ ที่จะพร้อมรับมือกับความล่าช้าในกระบวนการขนส่งสินค้าในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินค้ามาถึงยังสหรัฐฯ เนื่องจากจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ก็ยังคงเป็นไปได้สูงที่อาจมีอุปสรรคในกระบวนการทางศุลกากรและระบบการขนส่งสินค้าในสหรัฐฯ
แหล่งสืบค้น/อ้างอิงข้อมูล:
1) “Halloween Chaos: Supply Chain Faces Tariffs and Shutdown Scares” โดย Oyku Ilgar จาก Forbes
2) “NRF Consumer Survey Finds Halloween Spending to Reach Record $13.1 Billion” จาก NRF Press Release
สคต. ไมอามี /วันที่ 31ตุลาคม 2568