บริษัท BYD ผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่จากจีน ประกาศความสำเร็จในการเปิดโชว์รูมครบ 100 แห่งในออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจากสำนักงานใหญ่ในจีนร่วมเดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดอย่างพร้อมหน้า ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแสดงถึงความก้าวหน้าทางธุรกิจของ BYD ในภูมิภาคโอเชียเนียเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการยกระดับตลาดต่างประเทศให้กลายเป็นกลยุทธ์หลักในระดับกลุ่ม (Group-Level Strategy) ขององค์กร การเปิดโชว์รูมครบ 100 แห่งในออสเตรเลีย ยังเป็นการส่งสัญญาณเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) การบุกเบิกโมเดลความร่วมมือระดับโลกผ่านพันธมิตรในท้องถิ่น (2) การยกระดับตลาดต่างประเทศให้เป็นกลไกการเติบโตหลักขององค์กร (3) การเดินหน้าสู่เป้าหมายยอดขาย 1 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2568
บริษัท BYD ได้ดำเนินความร่วมมือกับ Harmony Auto ซึ่งเป็นพันธมิตรจากจีนเพื่อขยายเครือข่ายโชว์รูมในต่างประเทศ โดยสามารถเปิดได้ถึง 100 แห่ง ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ใน 20 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในออสเตรเลียที่มีประชากรราว 26 ล้านคน การเปิดสาขาอย่างครอบคลุมทำให้ BYD สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละโชว์รูมครอบคลุมผู้บริโภคมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี ซึ่งมากกว่าศักยภาพการขยายเครือข่ายในประเทศจีน
โมเดลการดำเนินงานของ BYD ใช้ระบบการบริหารแบบจีน แต่ใช้การผสานกำลังคนในพื้นที่เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนด้านการดำเนินงาน อาทิ บริษัทในสาขาซิดนีย์ มีพนักงานท้องถิ่นมากถึงร้อยละ 65 ทำให้เกิดความเข้าใจผู้บริโภคและการบริการที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมพื้นที่ รวมถึงการใช้กองเรือบรรทุกรถยนต์ของ BYD และคลังสินค้าขนาด 5,000 ตารางเมตรในซิดนีย์และเมลเบิร์น เพื่อย่นระยะเวลาการหมุนเวียนสินค้าลงเหลือเพียง 15 วัน ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมถึงร้อยละ 50
ทีมผู้นำ BYD ลงพื้นที่ออสเตรเลีย พัฒนาเทคโนโลยีตอบโจทย์ภูมิอากาศ
การเดินทางเยือนออสเตรเลียครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการขยายเครือข่ายโชว์รูมแล้ว ยังสะท้อนถึงการระดมทรัพยากรบุคลากรระดับสูงจากทุกสายงานขององค์กร เพื่อผลักดันการเติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างรอบด้าน โดยคณะผู้บริหารที่ร่วมเดินทางประกอบด้วย ผู้แทนจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ฝ่ายผลิต ฝ่ายควบคุมคุณภาพ การตลาด และการเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการรวมพลังในการขับเคลื่อนนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ในระดับโลก โดยเฉพาะการเข้าร่วมของนางโจว ย่าหลิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการยกระดับระบบสนับสนุนทางการเงินในพื้นที่เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขายและบริการหลังการขายในตลาดเป้าหมายอย่างครบวงจร อาทิ การเปิดตัวโปรแกรมสินเชื่อรถยนต์ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 3.9 สำหรับลูกค้าในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ในขณะเดียวกัน คณะผู้บริหารยังใช้โอกาสนี้ในการลงพื้นที่สำรวจ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เฉพาะของออสเตรเลียซึ่งมีความหลากหลายทางสภาพอากาศ เช่น พื้นที่ทะเลทรายที่มีอุณหภูมิสูงจัด และเขตชายฝั่งที่มีความเค็มในอากาศสูง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในระยะยาว นายหยาง ตงเซิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเทคโนโลยียานยนต์ของ BYD ได้ลงพื้นที่ภาคสนามด้วยตนเอง เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงเทคนิคในการพัฒนาและปรับแต่งเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าให้สามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมเฉพาะของภูมิภาคนี้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนายานยนต์รุ่นเฉพาะสำหรับตลาดพวงมาลัยขวาในกลุ่มประเทศเครือจักรภพ อาทิ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และนิวซีแลนด์
BYD เดินหน้าสู่เป้าหมายยอดขาย 1 ล้านคันทั่วโลก ในปี 2568
ในปี 2566 บริษัทมียอดขายในต่างประเทศ 242,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 334 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ของหลายประเทศ อาทิ ไทย บราซิล และอิสราเอล ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแผนกลยุทธ์ ประกอบด้วย (1) ระยะเก็บเกี่ยวตลาด (2) ระยะบูรณาการแบรนด์ (3) ระยะขยายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก
ในระยะบูรณาการแบรนด์นั้น BYD ได้เดินหน้าเจรจากับแบรนด์ยานยนต์รายใหญ่ในยุโรปซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เพื่อสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกับพันธมิตร Toyota และ Subaru พร้อมทั้งเริ่มส่งออกแพลตฟอร์มเทคโนโลยี e-Platform 3.0 ไปยังพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Sime Darby ในประเทศมาเลเซีย
สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา BYD ใช้กลยุทธ์ โดยวางฐานการผลิตในประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีกำลังการผลิตวางแผนไว้ที่ 150,000 คันต่อปี เพื่อลดผลกระทบจากอุปสรรคด้านการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ BYD ยังครองส่วนแบ่งตลาดรถบัสไฟฟ้าในสหรัฐถึงร้อยละ 80 พร้อมทั้งขยายตลาดด้านระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System – ESS) โดยมียอดส่งออกสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 10 GWh ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
การเยือนออสเตรเลียในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคโอเชียเนีย ในเขตการค้าเสรีเมลเบิร์น เพื่อทำหน้าที่ควบคู่กับสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์บริหารตลาดอาเซียน ก่อให้เกิดโครงสร้างศูนย์บริหารคู่ในเอเชียแปซิฟิก (Dual-APAC Hub) ที่ช่วยให้การบริหารจัดการตลาดต่างประเทศมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยออสเตรเลียจะเป็นฐานหลักในการดูแลกลุ่มประเทศเครือจักรภพ นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร BYD ยังมีแผนเดินทางต่อไปยังประเทศชิลี เพื่อสำรวจแหล่งแร่ลิเทียม ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบยุทธศาสตร์สำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า การเข้าถึงแหล่งทรัพยากรต้นน้ำโดยตรงนี้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ BYD บนเวทีโลก จากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี เครือข่ายการผลิต และโครงสร้างองค์กร BYD มีแนวโน้มสูงที่จะบรรลุเป้าหมายยอดขาย 1 ล้านคันในตลาดต่างประเทศภายในปี 2568 และพร้อมก้าวขึ้นจากผู้ท้าชิงสู่ ผู้เล่นระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
การขยายเครือข่ายโชว์รูมของบริษัท BYD ในออสเตรเลียจนครบ 100 แห่งภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ถือเป็นความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน ในการเจาะตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้ “โมเดลความร่วมมือระดับโลก” ผ่านพันธมิตรในท้องถิ่น เช่น Harmony Auto ที่สามารถผสานระบบการบริหารแบบจีนเข้ากับการจ้างงานในพื้นที่ สร้างการยอมรับและความเข้าใจต่อผู้บริโภคในระดับภูมิภาคได้อย่างดี นอกจากนี้ การส่งผู้บริหารระดับสูงของ BYD เข้าร่วมงานเปิดโชว์รูมและลงพื้นที่สำรวจสภาพแวดล้อมภูมิอากาศของออสเตรเลีย ยังแสดงถึงการวางแผน เชิงลึกขององค์กรที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ให้ตอบสนองต่อข้อจำกัดในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนการเปิดตัวโปรแกรมสินเชื่อพิเศษและการจัดตั้งคลังสินค้าท้องถิ่น ยังสะท้อนถึงการสร้าง Ecosystem ครบวงจรที่เอื้อต่อการขยายตลาดและรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว
ความสำเร็จของ BYD ยังมีนัยสำคัญต่อภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก โดยเฉพาะการจัดตั้งโครงสร้างบริหารแบบ Dual-APAC Hub ซึ่งแบ่งบทบาทระหว่างสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ (ดูแลตลาดอาเซียน) และออสเตรเลีย (ดูแลกลุ่มประเทศเครือจักรภพ) แนวทางดังกล่าวอาจส่งผลต่อทิศทางการลงทุน การจัดวางสายการผลิต การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ และการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ในภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ การที่บริษัท BYD ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของจีน เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ยังถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญ และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน (Detroit of Asia) โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ แรงงานที่มีทักษะ และนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ของไทยในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม
-----------------------------------
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
กรกฎาคม 2568
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1837766653896982277&wfr=spider&for=pc