เนื้อข่าว
กรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล (The Department of E-commerce and Digital Economy) กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ได้ประกาศแผนปฏิบัติการฉบับใหม่เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ที่ 18/CT-TTg (Directive 18/CT-TTg) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดการส่งออก ลดการพึ่งพาตลาดดั้งเดิม และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตลาดภายในประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดภารกิจเฉพาะให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการขจัดอุปสรรคทางการค้า ลดภาวะขาดดุลทางการค้า และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
สาระสำคัญของแผนดังกล่าว มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้าที่มีอยู่ของเวียดนาม โดยเฉพาะความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreements: FTAs) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม (Comprehensive Economic Partnership Agreements: CEPAs) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขยายตลาดส่งออกและกระจายความเสี่ยงด้านการค้า ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้า (The Trade Promotion Agency) ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าเชิงลึกในตลาดคู่ค้าภายใต้กรอบ FTAs รวมถึงตลาดเฉพาะกลุ่มและตลาดเกิดใหม่ อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และลาตินอเมริกา พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในการสร้างและพัฒนาแบรนด์ การขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในต่างประเทศ การจัดงาน Vietnam International Sourcing 2025 และการขยายเครือข่ายสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
ในส่วนของการดำเนินงานเชิงนโยบาย กรมส่งออกและนำเข้า (The Import-Export Department) ได้รับมอบหมายให้จัดทำข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับความตกลงการค้าเสรี พร้อมทั้งจัดทำแนวทางการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนเสนอแนวทางในการลดภาวะขาดดุลทางการค้า โดยเฉพาะในมิติความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างเวียดนามกับจีน ขณะเดียวกัน กรมพัฒนาตลาดต่างประเทศ (The Department of Foreign Market Development) จะจัดตั้งฐานข้อมูลตลาดส่งออก พร้อมดำเนินการวิเคราะห์พันธกรณีของเวียดนามภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรี ส่วนกรมนโยบายการค้าพหุภาคี (Department of Multilateral Trade Policy)จะดำเนินการทบทวนและยกระดับความตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่เดิม เพื่อขยายโอกาสทางการส่งออก และส่งเสริมการกระจายห่วงโซ่อุปทานให้มีความหลากหลายและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
สำหรับภาคตลาดในประเทศ กรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลจะดำเนินการส่งเสริมการเชื่อมโยงทางการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน พร้อมทั้งจัดทำแคมเปญดิจิทัลเพื่อกระตุ้นผู้บริโภคภายในประเทศให้หันมาสนับสนุนการบริโภคสินค้าเวียดนามบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศในการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจจากความผันผวนของตลาดต่างประเทศ
กลยุทธ์โดยรวมของแผนปฏิบัติการฉบับนี้มุ่งเน้นไปที่สองแนวทางหลัก ได้แก่ การส่งเสริมการส่งออกเพื่อกระจายตลาดและลดภาวะขาดดุลการค้า และการพัฒนาตลาดภายในประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการเวียดนามให้สามารถปรับตัวต่อข้อจำกัดทางเทคนิคและรักษาความสามารถในการผลิตในประเทศได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
(แหล่งที่มา https://vietnamnews.vn/ ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม 2568)
วิเคราะห์ผลกระทบ
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมการค้าอย่างเข้มข้น โดยอาศัยกลไกภายใต้ Decision No. 1970/QD-BCT ที่นาย Nguyen Hong Dien รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าเวียดนาม (Viet Nam Trade Promotion Agency: Vietrade) ทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักในการขยายตลาดส่งออก กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสร้างสมดุลระหว่างตลาดในประเทศกับตลาดต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจในภาพรวม
แนวทางที่ถูกเน้นย้ำในแผนปฏิบัติการฉบับนี้ คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าเฉพาะด้านในตลาดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูง อาทิ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียน ควบคู่ไปกับการรุกตลาดเกิดใหม่และตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Markets) เช่น อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกลุ่มประเทศฮาลาล ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเฉพาะต่อสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ เครื่องจักรกลอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน โดยการผลักดันให้เกิดการส่งออกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว แทนที่การพึ่งพาสินค้าแปรรูปเบื้องต้นหรือสินค้าดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การเชื่อมโยงกิจกรรมส่งเสริมการค้าในประเทศและต่างประเทศอย่างบูรณาการ เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดงสินค้า และกิจกรรมกระตุ้นการขายทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTAs) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPAs) ที่เวียดนามเป็นภาคี ได้แก่ CPTPP, EVFTA, RCEP และ UKVFTA โดยรัฐบาลมุ่งสนับสนุนภาคธุรกิจให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งจัดให้มีการให้คำปรึกษาเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้กรอบการดำเนินงานดังกล่าว กรมส่งออกและนำเข้าได้รับมอบหมายให้ติดตามแนวโน้มการค้าโลก วิเคราะห์สาเหตุของความผันผวนในมูลค่าการส่งออก–นำเข้า และเสนอมาตรการเชิงรุกต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เพื่อสร้างสมดุลทางการค้า โดยเฉพาะกับประเทศที่เวียดนามยังคงเผชิญปัญหาขาดดุลการค้า เช่น จีน
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและช่องทางการค้าออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งมิติสำคัญของนโยบายใหม่ โดยกรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนการค้าข้ามพรมแดนผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ โดยเน้นการประสานความร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเปิดตลาดให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และหมู่บ้านหัตถกรรมที่ยังเข้าไม่ถึงโอกาสในตลาดดิจิทัล พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมการใช้สื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัลรุ่นใหม่ในการประชาสัมพันธ์สินค้าเวียดนามเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แผนส่งเสริมการค้าของรัฐบาลเวียดนามในปี 2568 ถือเป็นยุทธศาสตร์แบบบูรณาการที่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันการส่งออก การเสริมสร้างอุปสงค์ภายใน การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามให้เติบโตอย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลในระยะกลางและระยะยาว
นำเสนอโอกาส/แนวทาง
แนวโน้มเศรษฐกิจการค้าของเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัว อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ ภายหลังจากที่รัฐบาลเวียดนาม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ประกาศแผนการส่งเสริมการค้าเชิงรุกในลักษณะบูรณาการ ผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศและการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ แผนดังกล่าวมุ่งเน้นการเร่งการส่งออกไปยังตลาดยุทธศาสตร์ทั่วโลก ควบคู่กับการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคหลากหลายรูปแบบในประเทศ โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTAs) และข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPAs) ที่เวียดนามลงนามไว้กับหลายประเทศ
ในเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เวียดนามให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายภายในประเทศ การยกระดับอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เกษตรมูลค่าสูง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตลอดจนการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะการค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ผลิตในท้องถิ่นกับตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ การเร่งสนับสนุน SMEs และวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการฝึกอบรม การให้คำปรึกษา และการเปิดตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่รัฐบาลเวียดนามนำมาใช้ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจในประเทศ
มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงโอกาสที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนาม ทั้งในรูปแบบของการส่งออก การร่วมลงทุน หรือการเป็นพันธมิตรทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าไทยที่มีจุดแข็งด้านคุณภาพ เช่น อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์สุขภาพ สมุนไพรไทย สินค้าเกษตรคุณภาพสูง รวมถึงสินค้าชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคของผู้บริโภคเวียดนามรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ (Product storytelling)
แนวทางที่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญ ได้แก่ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า งานจับคู่ธุรกิจ และกิจกรรมส่งเสริมการค้าในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรใหม่ ๆ และเข้าใจความต้องการของตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ควบคู่ไปกับการลงทุนในระบบโลจิสติกส์ การปรับตัวสู่การค้าแบบดิจิทัล และการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อลดต้นทุนการจัดจำหน่ายและเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังควรศึกษาเงื่อนไขของ FTAs ที่เวียดนามเข้าร่วม และใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดเวียดนาม