fb
กัมพูชา ส่งหนังสือ ถึง Trump เสนอลดภาษีสินค้าสหรัฐ 19 รายการ เหลือ 5%

กัมพูชา ส่งหนังสือ ถึง Trump เสนอลดภาษีสินค้าสหรัฐ 19 รายการ เหลือ 5%

โดย
ลงเมื่อ 09 เมษายน 2568 09:17
15
  • เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald J. Trump ประกาศใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากกัมพูชาเฉลี่ย 47%
  • ภายหลังการประกาศ รัฐบาลกัมพูชาได้เรียกประชุมด่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และในวันที่ 4 เมษายน 2025 สมเด็จ Hun Manet นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี Trump เพื่อขอเปิดการเจรจา โดยระบุว่า กัมพูชากำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่เกิน 35% และขอให้สหรัฐฯ พิจารณาเลื่อนการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ
  • นอกจากนี้ กัมพูชายังเสนอปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จำนวน 19 รายการ จาก 35% เหลือเพียง 5% เพื่อแสดงความจริงใจในความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ
  • พร้อมกันนี้ H.E. Mrs. Cham Nimul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ได้มีหนังสือถึง Mr. Jamieson Greer เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชา เพื่อขอให้สหรัฐฯ พิจารณาขยายระยะเวลา   การบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ และเปิดการหารือเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากัมพูชา โดยย้ำว่า กัมพูชามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแสวงหาข้อสรุปร่วมที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
  • รายการสินค้าที่กัมพูชาเสนอปรับลดภาษีครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคและยานพาหนะ เช่น เนื้อวัวและหมูแช่แข็ง เครื่องในสัตว์ปีก (ไก่และไก่งวง) ผลิตภัณฑ์นม (เช่น เวย์) ธัญพืช (อัลมอนด์ ข้าวโพด ถั่วเหลือง) น้ำเชื่อม น้ำตาล มันฝรั่งแช่แข็ง เมล็ดพืชแปรรูป วิสกี้ รถยนต์หนักไม่เกิน 5 ตัน และรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์มากกว่า 800cc เป็นต้น
  • ข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (GDCE) ระบุว่า ในปี 2024 มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ อยู่ที่ 10.18 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11.2% จากปี 2023 โดยกัมพูชาส่งออกไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 9.92 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 11.4%) และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 264.15 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 2.7%) ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าต่อกัมพูชาถึง 9.65 พันล้านดอลลาร์
ความเห็นของสำนักงานฯ 
  1. นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของประธานาธิบดี Donald J. Trump และมาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และประเทศอื่นๆ ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อระบบการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศขนาดเล็กอย่างกัมพูชา ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสมดุลในความสัมพันธ์กับทั้งสหรัฐฯ และจีน เนื่องจากผู้ลงทุนรายใหญ่ในกัมพูชาเป็นจีน ขณะที่ตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ กัมพูชาจึงต้องใช้แนวทางการเจรจาเพื่อลดภาษีและการทูตเชิงรุกกับสหรัฐฯ เพื่อรักษาผลประโยชน์ระยะยาว
  2. ทั้งนี้ หากการเจรจาล้มเหลว ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าของกัมพูชา ซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก อาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก และความไม่แน่นอนทางการค้าดังกล่าว อาจทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ชะลอตัวหรือย้ายฐานไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนทางการค้าดีกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้อง ควรจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนปรับตัวเชิงกลยุทธ์ ต่อไป

ที่มา: Khmer Times & Phnom Penh Post

 เมษายน 2025

Share :
Instagram