ภาพรวมของตลาดฮาลาลโลกและโอกาสของบังกลาเทศ
ในปี 2568 ตลาดอาหารฮาลาลทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 2.99 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตในอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 9% จนถึงปี 2577 คำว่า "ฮาลาล" ซึ่งแปลว่า "อนุญาต" ตามหลักศาสนาอิสลาม หมายถึงอาหารที่ปราศจากส่วนผสมต้องห้าม เช่น หมูหรือแอลกอฮอล์ และต้องผลิตในสภาพที่ถูกสุขอนามัยตามหลักชารีอะฮ์ ความต้องการอาหารฮาลาลไม่ได้มาจากประชากรมุสลิม 2 พันล้านคนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิมที่เลือกผลิตภัณฑ์ฮาลาล เนื่องจากชื่อเสียงด้านความปลอดภัย ความสะอาด และการผลิตที่คำนึงถึงจริยธรรม ประเทศอย่าง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียเป็นตลาดหลัก ในขณะที่ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ก็มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากทั้งประชากรมุสลิมและผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ
บังกลาเทศ ซึ่งมีประชากร 92% นับถือศาสนาอิสลาม และมีตลาดฮาลาลภายในประเทศมูลค่า 107 พันล้านเหรียญสหรัฐ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ในปีงบประมาณ 2565-2566 บังกลาเทศส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลมูลค่า 843 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ไปยังประเทศที่มีประชากรมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ เช่น กลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบังกลาเทศมีศักยภาพในการครองส่วนแบ่ง 2-3% ของตลาดฮาลาลโลก ซึ่งอาจเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้หลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
ความพยายามของรัฐบาลและภาคเอกชน
การเติบโตของการส่งออกฮาลาลของบังกลาเทศ ได้รับแรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาลและนวัตกรรมจากภาคเอกชน ในเดือนพฤศจิกายน 2566 กระทรวงกิจการศาสนาได้เปิดตัวนโยบายการรับรองฮาลาล ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้ส่งออก นโยบายนี้ พัฒนาโดยมูลนิธิอิสลามแห่งบังกลาเทศ (Bangladesh Islamic Foundation: BIF) ตั้งแต่ปี 2558 ได้กำหนดแนวทางชัดเจนเพื่อให้บริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามมาตรฐานฮาลาลสากล อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาด เช่น ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่ปี 2550 BIF ได้รับรองบริษัท 179 แห่ง โดย 62 แห่งส่งออกผลิตภัณฑ์มากกว่า 200 รายการ รวมถึงเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารแปรรูป
สถาบันมาตรฐานและการทดสอบแห่งบังกลาเทศ (Bangladesh Standards and Testing Institution: BSTI) ได้รับมอบอำนาจให้ออกใบรับรองฮาลาลควบคู่ไปกับ BIF และในฐานะสมาชิกของสถาบันมาตรฐานและเมตโทรโลจีสำหรับประเทศอิสลาม (SMIIC) BSTI ได้นำมาตรฐาน SMIIC 10 ข้อมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบังกลาเทศเป็นไปตามเกณฑ์สากล ในปี 2567 กรมพัฒนาอิสลามแห่งมาเลเซีย ((Department of Islamic Development Malaysia-JAKIM) ได้ต่ออายุการรับรอง BIF เป็นหน่วยงานรับรองฮาลาล ซึ่งเปิดประตูสู่ตลาดฮาลาลโลกมูลค่า 661 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความร่วมมือล่าสุดกับศูนย์รับรองของซาอุดีอาระเบียและธนาคารพัฒนาอิสลามของมาเลเซีย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบังกลาเทศ
บริษัทในท้องถิ่น เช่น Square, Pran, ACI, Bengal Meat และ Nestlé Bangladesh เป็นผู้นำในการผลิตสินค้าฮาลาลที่ได้รับการรับรอง ตั้งแต่เนื้อแดงไปจนถึงขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์นม นายอิมเทียซ ฟิรอซ หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Square Food & Beverage กล่าวกับ The Business Standard ว่า “เราปฏิบัติตามมาตรฐานอาหารฮาลาลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้จะมีผลดีโดยให้กรอบการทำงานที่ชัดเจน” นโยบายดังกล่าวอนุญาตให้ใบรับรองมีอายุ 1 ปี และสามารถขยายได้ถึง 3 ปีสำหรับโรงงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ส่งเสริมการลงทุนในคุณภาพระยะยาว
ความท้าทายในการรับรองและคุณภาพ
แม้ว่าบังกลาเทศจะมีความก้าวหน้า แต่ยังเผชิญกับความท้าทาย การรับรองฮาลาลเคยเป็นปัญหาคอขวด เนื่องจาก BIF เป็นหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจ ส่งผลให้เกิดความล่าช้า แม้ว่าการเข้ามาของ BSTI จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ แต่กระบวนการยังเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐหลายแห่ง เช่น กรมปศุสัตว์และกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งอาจสร้างอุปสรรคด้านขั้นตอน นายเอนามุล ฮาฟิซ ลาติฟี อดีตนักวิจัยจากหอการค้าและอุตสาหกรรมธากา เตือนว่าความซับซ้อนนี้อาจชะลอความก้าวหน้าได้หากไม่มีการปรับปรุงให้ง่ายขึ้น
การยอมรับใบรับรองฮาลาลของบังกลาเทศในระดับสากลเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย แม้ว่าการรับรองจาก JAKIM ของมาเลเซียจะเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ แต่ใบรับรองจากประเทศอย่างอินเดียมักเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งทำให้ได้เปรียบ เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถช่วยเพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับได้ แต่การนำนวัตกรรมนี้มาใช้ต้องใช้การลงทุนและความเชี่ยวชาญ ซึ่งบังกลาเทศยังอยู่ในช่วงพัฒนา
การประกันคุณภาพ โดยเฉพาะสำหรับการส่งออกเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก เป็นสิ่งสำคัญ ผลิตภัณฑ์ของบังกลาเทศ เผชิญความท้าทายในการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและสุขภาพที่เข้มงวดของกลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซีย เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งต้องการใบรับรองสุขภาพที่ครบถ้วน ซึ่งระบบของบังกลาเทศบางครั้งยังไม่สามารถตอบสนองได้เท่าที่ควร นอกจากนี้ เนื้อสัตว์ของบังกลาเทศมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง เช่น 6.41 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม เทียบกับ 3.36 เหรียญสหรัฐของอินเดีย เนื่องจากการผลิตในปริมาณน้อยทำให้เสียเปรียบด้านเศรษฐกิจจากขนาด
กลยุทธ์และการขยายสู่ตลาดใหม่
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ บังกลาเทศกำลังดำเนินการอย่างทุ่มเท โดยลงมือสำรวจความร่วมมือกับกลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซีย มีการเจรจาเพื่อจัดตั้งโรงงานแปรรูปเนื้อฮาลาลในเขตอุตสาหกรรมพิเศษ ด้วยการลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและปฏิบัติตามมาตรฐานสากล สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งบังกลาเทศ (FBCCI) ร่วมมือกับองค์การความมั่นคงด้านอาหารอิสลาม (IOFS) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาด
การขยายสู่ตลาดใหม่เป็นเป้าหมายสำคัญ แม้ว่ากลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซียยังคงเป็นเป้าหมายหลัก ผู้เชี่ยวชาญอย่างนายจาฮังกีร์ อลัม จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งธากา แนะนำให้สำรวจตลาดยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดฮาลาลของสหภาพยุโรป มีมูลค่า 35 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เติบโต 15% ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งผู้บริโภคทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและมีจริยธรรม บังกลาเทศสามารถเรียนรู้จากอินเดีย ซึ่งประสบความสำเร็จในการส่งออกขนมขบเคี้ยวฮาลาล เช่น ปาปัด ไปยังยุโรป
ภาคปศุสัตว์ ซึ่งผลิตเนื้อสัตว์ 8.7 ล้านตันต่อปี เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญ การบริโภคสัตว์ปีกต่อหัวเพิ่มจาก 17.3 กรัมเป็น 26.2 กรัมต่อวันระหว่างปี 2559-2565 สะท้อนถึงความต้องการผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแปรรูปที่ได้รับการรับรองฮาลาลที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การขาดรหัส Harmonised System (HS) เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ฮาลาลโดยเฉพาะ เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ส่งออก รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ พร้อมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานห่วงโซ่การขนส่งและการจัดเก็บรักษา เพื่อถนอมคุณภาพสินค้าระหว่างการขนส่ง
นวัตกรรมและโอกาสในอนาคต
นวัตกรรมเป็นหัวใจของกลยุทธ์การส่งออกฮาลาลของบังกลาเทศ บริษัทต่าง ๆ กำลังขยายสู่การผลิคและขายตลาดผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์นม เพื่อดึงดูดผู้บริโภควัยรุ่นและในเมืองทั่วโลก แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซช่วยให้เข้าถึงตลาดสากลได้ง่ายขึ้น ขณะที่ข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค เช่น ในกลุ่มอาเซียน อำนวยความสะดวกในการส่งออก ความยั่งยืนก็ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยผู้ผลิตกำลังสำรวจบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแนวปฏิบัติด้านสวัสดิภาพสัตว์ ที่สอดคล้องกับหลักฮาลาล
การผลักดันการกระจายการส่งออกของรัฐบาล มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องจากบังกลาเทศจะเปลี่ยนสถานะจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ในปี 2569 ทำให้สูญเสียสิทธิประโยชน์ทางการค้าหลายประการ การส่งออกฮาลาลเป็นช่องทางหนึ่ง ในการเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 25.92 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกรกฎาคม 2568 การครองส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยของตลาดฮาลาลโลกอาจเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศได้ ตามที่นายอาบู ซาเลห์ พัทวารี จาก BIF กล่าวว่า “หากเราครองส่วนแบ่ง 2-3% ของตลาดฮาลาลโลกได้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเราอย่างมาก”
ความสำคัญต่อบังกลาเทศและระดับสากล
การขยายการส่งออกฮาลาลของบังกลาเทศไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเรื่องของการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและความทะเยอทะยานในระดับโลก ด้วยการใช้ประโยชน์จากประชากรมุสลิมเป็นส่วนใหญ่และจุดแข็งด้านการเกษตร บังกลาเทศกำลังสร้างสะพานสู่ตลาดสากล สำหรับผู้บริโภคทั่วโลก หมายถึงการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ฮาลาลที่ปลอดภัย มีจริยธรรม และมีคุณภาพสูงมากขึ้น สำหรับธุรกิจในบังกลาเทศ เป็นโอกาสในการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านการส่งออกเนื้อฮาลาล เช่น บราซิล (5.19 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี) และออสเตรเลีย (2.36 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี)
ด้วยการปรับปรุงกระบวนการรับรอง การลงทุนในคุณภาพ และการสำรวจตลาดใหม่ ๆ อุตสาหกรรมฮาลาลของบังกลาเทศพร้อมที่จะเติบโต แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ด้วยการวางแผนเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม บังกลาเทศพร้อมที่จะครองส่วนแบ่งในตลาดฮาลาลโลกมูลค่า 6.49 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2577 ซึ่งแสดงถึงโอกาสที่โลกกำลังหิวโหย และบังกลาเทศพร้อมที่จะตอบสนอง
โอกาสของประเทศไทย
ประเทศไทยสามารถเพิ่มโอกาสทางการค้าฮาลาลในบังกลาเทศได้โดย
เน้นสินค้าที่มีจุดแข็ง เช่น เนื้อไก่ ขนมขบเคี้ยว และอาหารแช่แข็ง
ใช้ระบบรับรองฮาลาลที่แข็งแกร่งของไทยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
แข่งขันด้านราคาและคุณภาพด้วยการผลิตขนาดใหญ่
ขยายช่องทางผ่านอีคอมเมิร์ซและงานแสดงสินค้า
สร้างความร่วมมือกับบริษัทและหน่วยงานท้องถิ่น
ตอบสนองเทรนด์ความยั่งยืนและนวัตกรรม
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า
ที่มาข่าว: 1. https://www.halaltimes.com/bangladesh-expands-halal-exports-to-meet-global-demand/
ภาพ https://cdn.jagonews24.com/