รัฐซาราวักผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและข้ามพรมแดนที่แน่นแฟ้นกับบรูไน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางตอนเหนือ

ที่มา: สำนักข่าว Dayak Daily

          ซาราวักได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาข้ามพรมแดนกับบรูไน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการลงทุนและการพัฒนาภูมิภาค Miri-Limbang-Lawas รวมถึงการท่องเที่ยวทางตอนเหนือของซาราวัก ซึ่งมีศักยภาพที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

          สิ่งที่ได้รับการเน้นย้ำโดยรองนายกรัฐมนตรีซาราวัก Datuk Amar Awang Tengah ระหว่างการประชุมครั้งที่ 26 เกี่ยวกับการดำเนินการแลกเปลี่ยนจดหมาย (EOL-26) ระหว่างมาเลเซียและบรูไนที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

          ตามคำแถลงดังกล่าว ประธานการประชุมในครั้งนี้โดย Datuk Seri Mohamad Hasan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย ร่วมกับ Datuk Seri Setia Erywan Mohd Yusof รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่สองของบรูไนดารุสซาลาม

          Awang Tegah กล่าวว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างซาราวักและบรูไนในพื้นที่สำคัญเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ทางเหนือของซาราวักที่มีพรมแดนติดกับบรูไนอีกด้วย

          “ภูมิภาค Miri-Limbang-Lawas และพื้นที่ทางตอนเหนือของซาราวักที่กว้างขึ้นมีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้มากมายสำหรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการท่องเที่ยวและโอกาสการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย” เขากล่าว

          EOL-26 ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มทวิภาคีที่สำคัญในการทบทวนความคืบหน้าและการดำเนินการตามข้อตกลงและความเข้าใจระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน

          มากไปกว่านี้ EOL-26 ยังเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานที่นำไปสู่การปรึกษาหารือผู้นำประจำปีครั้งที่ 26 ระหว่างมาเลเซียและบรูไน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า โดยมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ การปรึกษาหารือจะรวบรวมผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนต่าง ๆ 

          บทบาทอย่างเข้มแข็งของซาราวักในการประชุมสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทูตระดับภูมิภาคและสอดคล้องกับนโยบายการทูตทางเศรษฐกิจและการบูรณาการระดับภูมิภาคที่กว้างขึ้นของรัฐบาลกลาง

          มาเลเซียและบรูไนซึ่งผูกพันด้วยความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีอย่างต่อเนื่องผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

บทวิเคราะห์ผลกระทบ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดน การเชื่อมต่อถนนเข้าสู่เขตอุตสาหกรรม และการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาราวักในการเปลี่ยนพื้นที่ห่างไกลให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ ความเคลื่อนไหวนี้จะก่อให้เกิดการไหลเวียนของทุน แรงงาน และสินค้าในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยสามารถใช้เป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าไปยังรัฐซาราวักและบรูไนได้ผ่านเส้นทางการค้าภายในอาเซียน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนหรือจับมือเป็นพันธมิตรในโครงการขนาดใหญ่ เช่น การพัฒนาเมืองชายแดน การขนส่งและโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการ เช่น สปา แพทย์แผนไทย และการฝึกอบรมแรงงานในอุตสาหกรรมใหม่ โดยความร่วมมือเชิงลึกระหว่างซาราวักและบรูไนในลักษณะนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ในอาเซียน ที่เน้นการพัฒนา “พรมแดนภายใน” ให้กลายเป็นประตูการค้าสำคัญของภูมิภาค ซึ่งมีนัยสำคัญต่อไทยในฐานะชาติที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน (BIMP-EAGA)

ความคิดเห็น สคต.

          การผลักดันความร่วมมือระหว่างซาราวักและบรูไนจะส่งเสริมการค้าในกลุ่มประเทศ BIMP-EAGA (Brunei-Indonesia-Malaysia-Philippines East ASEAN Growth Area) ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ความงาม สมุนไพรไทย และอาหารฮาลาล หากไทยสามารถนำเสนอจุดแข็งด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการ รวมถึงการบริหารจัดการโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถแทรกตัวในห่วงโซ่คุณค่าของเศรษฐกิจชายแดนนี้ได้อย่างมั่นคง โดยความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค และเป็นโอกาสทองของไทยในการขยายตลาดใหม่ผ่านการเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุน หากสามารถวางกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดและขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน ความร่วมมือชายแดนระหว่างซาราวักและบรูไนจะไม่เพียงเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นเวทีใหม่ที่ไทยสามารถเข้าไปมีบทบาทเชิงรุกได้อย่างเต็มที่

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์